10 สุดยอดตำนานดาวยิงแห่งลุ่มแม่น้ำเมอร์ซี่ ไซร์



2 ตำนานผู้ยิ่งใหญ่ที่ยังหายใจอยู่ สุโค่ย!!!


หลังจากที่เห็นฟอร์มสุดยอดของหงส์แดง ที่เอาชนะเบอร์มิงแฮมไปได้ 5ต่อ0 ทำให้รู้สึกอยากรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของเหล่าบรรดานักเตะของหงส์แดงว่ามีใครบ้าง? ที่ยิงประตูแบบถล่มถลาย ให้แก่ต้นสังกัด ซึ่งผมเชื่อเหลือเกินว่า เด็กหงส์ในเวบ Mthai นั้นมีมากพอสมควร ซึ่ง 10 อันดับที่ผมค้นหามานั้นต้องปรบมือให้ด้วยจากใจจริง




เป็นนัดที่ ตอร์เรส ยิงแมนฯ ยูฯ เด็กหงส์คงจำกันได้ดี


อันดับที่ 10. เฟอร์นานโด ตอร์เรส (2007-2011 ลงสนาม 142 นัด ยิง 81 ประตู)


แม้จะลาจากกันด้วยไม่ดี เมื่อตัดสินใจอกหักแฟนบอล ลิเวอร์พูล ทั่วทั้งโลกด้วยการเลือกย้ายไปร่วมทีมคู่ปรับ เชลซี แต่คงไม่มีเดอะค็อปคนไหนกล้าปฏิเสธว่า เฟอร์นันโด ตอร์เรส คือหนึ่งในการทุ่มทุนครั้งที่ดีที่สุดเท่าที่ ลิเวอร์พูล เคยทุ่มมา โดยเฉพาะการจากไปพร้อมกับทิ้งก้อนเงินไว้ถึง 50 ล้านปอนด์ หลังย้ายมาจาก แอตเลติโก มาดริด เมื่อปี 2007 ตอร์เรส แจ้งเกิดเต็มตัวด้วยการยิงไป 24 ประตูในลีกฤดูกาลแรก ซึ่งถือเป็นกองหน้าต่างชาติที่ยิงเยอะที่สุดในปีนั้น รวมถึงตลอดเวลา 3 ปีครึ่ง ตอร์เรส ยังสามารถจดสถิติยิง 81 ประตูได้ด้วยการลงเล่นเพียง 142 เกม ถึงแม้มันจะไม่มีวันขยับเพิ่มอีกแล้วก็ตาม แต่ก็ยังเพียงพอให้ “เอลนินโญ” เข้ามาติดท็อป 10 กองหน้าที่ดีที่สุดตลอดกาลของ ลิเวอร์พูล ไม่เช่นนั้น กองเชียร์เดอะค็อปคงไม่เกลียดเขามากขนาดนี้ ถ้าไม่เคยรักมากขนาดนั้นมาก่อน จริงไหม?


 



อันดับที่ 9. จอห์น โตแช็ค (1970-1978 ลงสนาม 246 นัดยิง 96 ประตู)


ถูกตำนานกุนซือ บิล แชงค์ลีย์ คว้าตัวจาก คาร์ดิฟฟ์ มาร่วมทีมด้วยค่าตัว 110,000 ปอนด์ เมื่อปี 1970 ก่อนที่กองหน้าร่างยักษ์เลือดเวลส์จะมาเข้าคู่กับ เควิน คีแกน อดีตหนึ่งตำนานของสโมสรและของโลก ก่อนสถาปนาตัวเองกลายเป็นหนึ่งในคู่กองหน้าที่ดีที่สุดเท่าที่วงการฟุตบอลอังกฤษเคยมีมา แน่นอนว่าด้วยเป็นกองหน้าร่างยักษ์ ทำให้จุดเด่นของ โตแช็ค คือการเล่นลูกกลางอากาศที่ทรงพลัง แล้วเมื่อรวมกับเทคนิคฟุตบอลชั้นยอดของ คีแกน ทำให้คู่ โตแช็ค-คีแกน ถือเป็นคู่ที่มีส่วนผสมลงตัวที่สุดตามแบบฉบับฟุตบอลสมัยก่อน โดยทั้งคู่ควงกันถล่มประตูคู่แข่งเป็นว่าเล่น จนว่ากันว่ามีคำพูดติดปากของ เดวิด โคลแมน นักพากย์ฟุตบอลสมัยนั้นว่า “โตแช็ค คีแกน 1-0 แล้วครับ”


 



อันดับที่ 8. ไมเคิล โอเวน (1996-2004 ลงสนาม 297 นัดยิง 158 ประตู)


ก้าวขึ้นมาจากอคาเดมีของสโมสร ก่อนโด่งดังเป็นพลุแตกขึ้นแท่นโกลเดนบอยแห่งวงการฟุตบอลอังกฤษ โดยเจ้าของฉายา “เบบีโกล” ไมเคิล โอเวน กลายเป็นความหวังของสโมสร นับตั้งแต่ถูกเปลี่ยนตัวลงมาทำประตูในเกมกับ วิมเบิลดัน เมื่อปี 1997 นับจากนั้น เดอะค็อปทุกคนก็จดจำ โอเวน ในฐานะ “เจ้าหนูมหัศจรรย์” ทันที โดย 158 ประตูของ โอเวน นั้นทำให้ ลิเวอร์พูล กลายเป็นสิงห์บอลถ้วยด้วยผลงานแชมป์เอฟเอคัพ 1 สมัย ลีกคัพ 2 สมัย ยูฟ่าคัพ 1 สมัย และยูฟ่า ซูเปอร์คัพ อีก 1 สมัย ขณะที่แม้ทุกวันนี้ด้วยการตัดสินใจย้ายไปร่วมทีมคู่ปรับ “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะทำให้ โอเวน ไม่มีวันได้กลับไปอยู่สถานะขวัญใจของกองเชียร์อีกต่อไป แต่อย่างน้อยดีกรีบัลลงดอร์ปี 2001 ก็ยังน่าจะเพียงพอต่อการเข้ามาติดลิสต์ดาวยิงตลอดของ ลิเวอร์พูล ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก


 



อันดับที่ 7. บิลลี ลิดเดลล์ (1939-1961 ลงเล่น 534 นัด ยิง 228 ประตู)


แม้จะจัดว่าไม่ใช่กองหน้าธรรมชาติ แต่ด้วยสถิติยิงไป 228 ลูกตลอด 23 ปีที่อยู่กับ ลิเวอร์พูล ทำให้เป็นการยากมากที่ บิลลี ลิดเดลล์ จะหลุดรอดจากลิสต์ 10 อันดับนี้ไปได้ โดยตำแหน่งประจำของ ลิดเดิล คือตำแหน่งปีกซ้าย แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็มักจะหาโอกาสพังประตูได้อยู่เสมอๆ รวมถึงบางครั้งยังทำได้ดียามที่ถูกดันขึ้นมาเล่นเป็นกองหน้าเต็มตัว การันตีด้วยการเป็นดาวซัลโวถึง 8 ใน 9 ฤดูกาลระหว่างปี 1949-1958


 



อันดับที่ 6. กอร์ดอน ฮอดจ์สัน (1925-1936 ลงเล่น 377 นัดยิง 241 ประตู)


ไม่ใช่ชื่อที่โด่งดังในหมู่แฟนบอล ลิเวอร์พูล แต่สถิติยิงประตูของ กอร์ดอน ฮอดจ์สัน ถือว่าเข้าขั้นโคตรดาวยิง เมื่อเป็นเจ้าของสถิติตะบันแฮตทริกให้ทีมมากครั้งที่สุดถึง 17 ครั้งตลอดเวลา 10 ปีที่สวมเสื้อสีแดงของสโมสร นอกจากนี้ ฮอดจ์สัน ยังเป็นเจ้าของสถิติดาวซัลโวตลอดกาลของ ลิเวอร์พูล เป็นอันดับที่ 3 กับผลงานฝากไว้ 241 ตุง แต่สิ่งที่น่าเศร้าสำหรับ ฮอดจ์สัน คือ ค่อนข้างไร้วาสนา เพราะตลอดช่วงเวลาที่ยิงประตูถล่มทลายให้กับสโมสร แต่มันกลับยังไม่เพียงพอให้เขาสัมผัสถ้วยแชมป์ใดๆ กับทีมเลยได้เลยแม้แต่ใบเดียว ฮอดจ์สัน คือ ค่อนข้างไร้วาสนา เพราะตลอดช่วงเวลาที่ยิงประตูถล่มทลายให้กับสโมสร แต่มันกลับยังไม่เพียงพอให้เขาสัมผัสถ้วยแชมป์ใดๆ กับทีมเลยได้เลยแม้แต่ใบเดียว


 



อันดับที่ 5. เคนนี ดัลกลิช (1977-1990 ลงสนาม 515 นัด ยิง 172 ประตู)


เจ้าของฉายา “คิงเคนนี” ต้องรับความกดดันอย่างมาก หลังถูก บ็อบ เพสลีย์ ทุ่มเงินเป็นสถิติถึง 440,000 ปอนด์คว้าตัวมาเพื่อทดแทนสุดยอดตำนานของสโมสรอย่าง เควิน คีแกน อย่างไรก็ตาม เม็ดเงินดังกล่าวกลับกลายเป็นการจ่ายเงินครั้งสำคัญที่สุดที่ ลิเวอร์พูล เคยทำมา เมื่อ ดัลกลิช สถาปนาตัวเองกลายเป็นนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาลของ ลิเวอร์พูล ด้วยการเป็นกำลังสำคัญนำทีมเก็บเกี่ยวเกียรติประวัติคว้าแชมป์ยูโรเปียนคัพ 3 สมัย และแชมป์ลีก 6 สมัย และยังถูกจดจำในฐานะขวัญใจของกองเชียร์เสมอ รวมถึงจะถูกเรียกชื่อทุกครั้ง ยามที่ทีมตกที่นั่งลำบาก และสิ่งนี้เองที่ทำให้ “คิงเคนนี” ได้กลับมานั่งในตำแหน่งกุนซือของทีมแทนที่ รอย ฮอดจ์สัน เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา


 



อันดับที่ 4. เควิน คีแกน (1971-1977 ลงเล่น 323 นัด ยิง 100 ประตู)


เควิน คีแกน อาจจะประสบความสำเร็จในฐาะนักเตะมากกว่ากับ ฮัมบูร์ก เมื่อสามารถคว้ารางวัลบัลลงดอร์ได้ถึง 2 ครั้ง ในช่วงเวลาที่อยู่กับทีม “สิงห์เหนือ” แต่ถ้าในฐานะทีม คงไม่มีที่ไหนที่เขาจะประสบความสำเร็จไปมากกว่าที่แอนฟิลด์อีกแล้ว ช่วงที่ประสานงานกับ จอห์น โตแช็ค ทั้งคู่สามารถพาทีม ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ลีกได้ 3 สมัย แชมป์ยูโรเปียนคัพ 1 สมัย และแชมป์ยูฟ่าคัพ 2 สมัย ตลอดช่วงเวลาที่อยู่กับทีม 6 ปี และหลังยิงไปครบ 100 ประตูจากการลงสนาม 323 นัด คีแกน ก็ออกไปหาความท้าทายครั้งใหม่กับ ฮัมบูร์ก เปิดทางให้ เคนนี ดัลกลิช เข้ามาสานตำนานเบอร์ 7 ของสโมสรแทน


 



อันดับที่ 2. ร็อบบี ฟาวเลอร์ (1992-2001, 2006-2007 ลงเล่น 369 นัด ยิง 183 ประตู)


ไม่ใช่แค่ “คิง” แต่ ร็อบบี ฟาวเลอร์ ถูกเดอะค็อปยกย่องให้เป็นมากกว่านั้น สำหรับเจ้าของฉายา “ก็อด” ผู้เติบโตมาจากระบบเยาวชนของสโมสร พร้อมกับการมีอีซ้ายที่ทรงพลังเหลือเกิน เรื่องนี้ถาม ปีเตอร์ ชไมเคิล ได้! เจ้าของเอกลักษณ์พลาสเตอร์แปะจมูกนั้น ถือว่าแจ้งเกิดได้อย่างรวดเร็ว หลังได้รับโอกาสจาก แกรม ซูเนสส์ เมื่อตอบแทนความไว้ใจด้วยสังหารไป 12 ลูกจากเกมชุดใหญ่ 13 นัดแรก และถึงตอนนี้เชื่อว่าคงยังไม่มีใครลืมสถิติซัดแฮตทริกเร็วสุดในพรีเมียร์ลีก ด้วยเวลาเพียง 4 นาที 33 วินาที ที่ยังยืนยงคงกระพันธ์ถึงปัจจุบันเป็นแน่!


 



อันดับที่ 2. โรเจอร์ ฮันท์ (1958-1969 ลงเล่น 492 นัด ยิง 286 ประตู)


หนึ่งในกองหน้าทีมชาติอังกฤษ ชุดแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งแรกและครั้งเดียวในประวัติศาสตร์เมื่อปี 1966 มีดีกรีเจ้าของสถิติดาวซัลโวตลอดกาลในเกมลีกของ ลิเวอร์พูล จนกระทั่งทุกวันนี้ จากการกระหน่ำไป 245 ครั้งตลอดเวลา 10 ปีที่อาศัยอยู่ในรั้วแอนฟิลด์ ฮันท์ โดดเด่นจากการจับคู่กับ เอียน เซนต์จอห์น หนึ่งในอดีตตำนานกองหน้าของสโมสร ร่วมกันเป็นฟันเฟืองสำคัญในความสำเร็จภายใต้การคุมบังเหียนของ บิล แชงค์ลีย์ ช่วงทศวรรษที่ 60 โดยเฉพาะฤดูกาล 1961-1962 ที่กระหน่ำตาข่ายเป็นว่าเล่นถึง 41 ประตูจาก 41 นัด ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลีกไปครอง นอกจากนี้ ฮันท์ ยังเป็นหนึ่งในนักเตะที่เดอะค็อปรักมากที่สุด จนตั้งฉายาให้ว่า “เซอร์โรเจอร์” ก่อนที่เขาจะได้รับยศ “ท่านเซอร์” จริงๆ ในเวลาต่อมา


 



อันดับที่ 1. เอียน รัช (1980-1987, 1988-1996 ลงเล่น 660 นัด ยิง 346 ประตู)


แม้จะไม่มีความสำคัญต่อทีมเยี่ยง สตีเวน เจอร์ราร์ด ไม่ได้มีเทคนิคชั้นยอดเหมือน เคนนี ดัลกลิช หรือไม่ได้มีรางวัลบัลลงดอร์การันตีความยอดเยี่ยมเหมือน เควิน คีแกน แต่หากวัดที่การยิงประตูและสถิติ “เพชรฆาตหน้าติดหนวด” เอียน รัช นี่ล่ะคือเครื่องจักรสังหารประตูที่ดี่ที่สุดเท่าที่ ลิเวอร์พูล เคยมีมา รัช มีสถิติยิงประตูรวมทุกถ้วยสูงสุดตลอดกาลของ ลิเวอร์พูล ด้วยการยิงไปทั้ง 346 ลูก โดยดาวยิงเลือดเวลส์เป็นที่รู้กันดีถึงทักษะการสังหารประตูที่เลือดเย็นสุดๆ และประตูของเขาคือปัจจัยที่ทำให้ทีมหยิบถ้วยแชมป์ลีกได้ถึง 5 สมัย ตลอด 2 ช่วงเวลาที่อยู่กับทีม แม้เจ้าตัวอาจจะล้มเหลวที่อิตาลี แต่ที่แอนฟิลด์ ไม่มีเขายิงประตูได้ดีไปกว่าเขาอีกแล้ว


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์