ธรรมะชาดก

ธรรมะชาดก

พระราชาองค์หนึ่ง มีพระราชโอรสประสูติแต่พระอัครมเหสี
2 พระองค์ มีพระนามว่า..มหิสสาสกุมารองค์หนึ่ง จันทกุมารองค์

หนึ่ง พระอัครมเหสีสิ้นพระชนม์ พระราชาทรงตั้งพระอัครมเหสีขึ้นใหม่
พระนางประสูติพระราชโอรสองค์หนึ่ง พระนามว่า..สุริยกุมาร

พระราชาทอดพระเนตรเห็นสุริยกุมาร ซึ่งประสูติใหม่ มีพระราชหฤทัย
โสมนัสยินดี ตรัสแก่พระอัครมเหสีใหม่ว่า พระองค์พระราชทานพร

แก่พระราชโอรสที่ประสูติแต่พระนาง คือพระราชทานให้พระนางทูลขอ
อะไรให้แก่พระราชโอรสของพระนางได้ตามปรารถนา พระนางจึงทูลขอ

ราชสมบัติให้แก่พระโอรสของนาง ในเวลาเมื่อพระราชโอรสคือสุริยกุมาร
นั้นเจริญวัยขึ้นแล้ว พระราชาไม่อาจทรงปฏิเสธได้ เพราะได้ตรัสพระราช-

ทานพรไว้แล้ว จึงทรงสั่งมหิสสาสกุมารและจันทกุมาร ซึ่งประสูติแต่
พระอัครมเหสีองค์แรก ให้ออกไปประทับอยู่ในป่า ทรงสั่งให้กลับมา

ถือเอาราชสมบัติต่อเมื่อพระองค์ทรงล่วงลับไปแล้ว พระกุมารทั้งสอง
กราบถวายบังคมลาพระราชบิดาลงจากปราสาทเสด็จดำเนินออกไป

สุริยกุมารซึ่งพระราชมารดาทูลขอราชสมบัติให้ ทรงเห็นทรงทราบ
เรื่องนั้นแล้ว เสด็จออกไปกลับพระเชษฐาทั้งสอง พระกุมารทั้งสาม

ได้เสด็จเข้าป่าหิมพานต์(ป่ามีหิมะ) ได้หยุดพักที่ไกลจากสระบัวแห่งหนึ่ง
มหิสสาสกุมารสั่งสุริยกุมารให้ไปที่สระ อาบ ดื่ม แล้วให้ใช้ใบบัวทำกรวย

ใส่น้ำมา สระนั้นมีผีเสื้อน้ำตนหนึ่งรักษาอยู่ ผีเสื้อน้ำนั้นได้รับอนุญาต
จาก'ท้าวเวสสุวรรณ' ให้จับคนที่ลงไปในสระกินได้ เว้นแต่คนที่รู้เทวธรรม

ผีเสื้อน้ำได้จับคนที่ไม่รู้กินเสียเรื่อยมา สุริยกุมารก็ถูกจับและถูกถามถึง
เทวธรรมเช่นเดียวกัน ผีเสื้อน้ำกล่าวว่า ท่านไม่รู้เทวธรรมแล้วจับ

ไปขังไว้ในที่อยู่ของตน มหิสสาสกุมารเห็นสุริยธรรมชักช้า ก็ส่งจันทกุมาร
ไปอีก จันทกุมารได้ถูกจับถามเช่นกัน ตอบว่า ทิศทั้ง 4 ชื่อว่าเทวธรรม

จึงถูกขังไว้อีก ฝ่ายมหิสสาสกุมาร เห็นจันทกุมารยังชักช้าอีก ก็คิดว่า
น่าจะมีอันตราย จึงไปยังสระนั่นเอง..ทรงตรวจดูเห็นแต่รอยลงไม่เห็นรอยขึ้น

ก็ทรงทราบว่ามีผีเสื้อน้ำรักษา จึงทรงผูกสอดพระขรรค์ถือธนูยืนระวังอยู่
ผีเสื้อน้ำเห็นมหิสสาสกุมารลงสระ จึงจำแลงเพศเป็นคนทำงานป่า มาชักชวน

ให้ลง มหิสสาสกุมารเห็นแล้วก็รู้ว่าเป็นยักษ์ จึงถามว่าท่านจับน้องชาย
ของเราไปหรือ...จับไปเพราะเหตุอันใด..จับทั้งหมดหรือเว้นใครบ้าง

ยักษ์ก็ทูลรับว่าจับกุมารทั้งสองไป เพราะได้รับอนุญาตให้จับคนที่ลงสระนี้
ทุกคน เว้นไว้แต่คนผู้รู้เทวธรรม และตนต้องการเทวธรรม มหิสสาสกุมารก็

รับว่าจะกล่าวเทวธรรมให้ฟัง แต่จะต้องชำระกายให้สะอาดก่อน ยักษ์ได้ปฏิบัติ
พระราชกุมาร ให้ทรงสนานเสวยน้ำเรียบร้อยแล้ว ได้นั่งเพื่อจะฟังเทวธรรม

ใกล้พระบาทกุมาร มหิสสาสกุมารตรัสเตือนให้ฟังโดยเคารพแล้ว จึงกล่าว
เทวธรรมดังมีคำแปลว่า....."คนดีทั้งหลายถึงพร้อมด้วยหิริ(ความละอายใจ

ต่อความชั่ว) และโอตตัปปะ(ความเกรงกลัวต่อความชั่ว) ตั้งอยู่ในดีในธรรม
อันขาวสงบแล้ว เรียกว่า 'ผู้มีเทวธรรมในโลก' ยักษ์ได้สดับแล้วเลื่อมใส

ก็กล่าวว่าจะคืนอนุชาให้องค์หนึ่ง จะให้นำองค์ไหนมา มหิสสาสกุมารตรัสให้นำ
องค์เล็กมา ยักษ์จึงกล่าวติเตียนว่า..พระกุมารรู้แต่เทวธรรมเท่านั้น แต่ไม่ประพฤติ

ในเทวธรรมเพราะควรที่จะให้นำอนุชาองค์โตมา จึงจะชื่อว่าทำความนับถือคนที่เจริญ
มหิสสาสกุมารตรัสว่า...ทรงรู้เทวธรรมและประพฤติธรรมด้วย แล้วก็ตรัสเล่าเรื่องให้

ยักษ์ฟังมีความว่า... พระองค์ 2 พี่น้อง ต้องเข้าป่าก็เพราะอนุชาองค์เล็ก พระราชบิดา
ประทานพรแก่อนุชาองค์เล็ก แต่มิได้ประทานพรแก่พระองค์ทั้งสอง เมื่อพระมารดาเลี้ยง

ทูลขอราชสมบัติให้แก่อนุชาองค์เล็กซึ่งเป็นโอรสของพระนาง พระราชบิดาก็จำต้อง
ทรงอนุญาต เพราะได้ทรงลั่นพระวาจาไว้แล้ว และก็ต้องทรงอนุญาตอรัญวาส

(การอยู่ป่า)แก่พระองค์ทั้งสอง ฝ่ายอนุชาองค์เล็กไม่ยอมกลับขอมาด้วย
ฉะนั้น เมื่อพระองค์กล่าวว่าอนุชาองค์เล็ก ถูกยักษ์ตนหนึ่งกินเสียในป่าแล้ว

ใครเล่าจักเชื่อถือ" ฉะนั้น พระองค์จึงให้นำอนุชาองค์เล็กมา เพื่อมิให้เป็นที่พึงตำหนิ
ติเตียนได้ ยักษ์ได้ฟังเหตุผลมีความเลื่อมใส จึงคืนอนุชาให้สององค์....

ต่อมา เมื่อพระราชบิดาสิ้นพระชนม์ มหิสสาสกุมารจึงกลับมาทรงรับราชสมบัติ
ในกรุงพาราณสี ประทานตำแหน่งอุปราชแก่จันทกุมาร ประทานตำแหน่ง

เสนาบดีแก่สุริยกุมาร และได้ทรงนำยักษ์ซึ่งได้กลับตัวเป็นผู้มีศีล
ไม่ดุร้ายเยี่ยงยักษ์ทั้งหลายแล้ว มาบำรุงไว้ในบ้านเมืองให้เป็นสุขสืบไป..........


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์