Anthrax

Anthrax

จุดกำเนิด  New York, United States
แนวเพลง Heavy metal , thrash metal , speed metal
ปี 1981 ปัจจุบัน
ค่ายเพลง Megaforce , Island , Elektra , Ignition, Beyond, Sanctuary
เว็บไซต์
www.anthrax.com www.anthrax.com

สมาชิก

Scott Ian
Charlie Benante
Frank Bello
Rob Caggiano
Joey Belladonna


ในช่วงกาลสมัยที่ hair band และ New Wave Of British Heavy Metal (NWOBHM) กำลังครองพื้นที่ mainstream heavy metal ในช่วงยุค 80s อยู่นั้น เด็กหนุ่มอเมริกันชาว headbanger ทั้งหลายผู้พิศสมัยในดนตรีที่ก้าวร้าวและรุนแรงกว่า รวมถึงด้วยเนื้อหาที่เข้มข้นกว่าได้ร่วมกันสร้างวิวัฒนาการแห่งความหนัก หน่วงของดนตรีเฮฟวี่เมทัล เมื่อพวกเขานำมาดนตรีสายพันธ์นี้มาเร่งสปีดให้เร็วขึ้นดิบและหนักหน่วงกว่า พร้อมกับการสลัดคราบไคลจากเครื่องสำอางที่ใช้เมคอัพ ทรงผม และเครื่องแต่งกายบ้า ๆ บอ ๆ ที่บางครั้งกลายเป็นจุดขายได้มากกว่าดนตรีห่วย ๆ ที่พวกเขาแต่งสรรค์ขึ้นเพียงเพื่ออ้อนสาว และยอดขายผลงานที่ได้มาอันเนื่องมาจากแฟชั่นปัญญาอ่อนเหล่านั้นไม่ใช่เรื่อง จำเป็นอีกต่อไป เมื่อดนตรีที่หลักกระโหลกกว่าและซีเรียสกว่าอย่าง “thrash metal” ได้ถือกำเนิดขึ้น

Anthrax คือ ชื่อวงดนตรีเฮฟวี่เมทัลที่ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์เฮฟวี่เมทัลแล้วก็คือ New Yorker อารมณ์ขันกลุ่มหนึ่งที่เป็นผู้ปลุกกระแสดนตรี thrash metal (หรือที่บ้านเรามักรู้จักกันในชื่อ speed metal) ให้กลายมาเป็นอีกหนึ่งเชื้อพันธ์ดนตรีที่นับว่าบ้าบิ่นที่สุดในโลกนับ ตั้งแต่ช่วงปี 80s เป็นต้นมา โดยกลางปี 1981 เมื่อ Scott (Scott Ian) ได้รวบรวมสมัครพรรคพวกผู้หลงไหลในดนตรีแบบเดียวกับที่เขาชื่นชอบอย่างเช่น AC/DC, Black Sabbath ไปจนถึงพวก New York hardcore และ punk เข้าร่วมอุดมการณ์ในช่วงเริ่มต้นสมาชิกของวงเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างบ่อยครั้ง กระทั่งพวกเขาออกงานเดโมแรกที่บรรจุไปด้วยเพลง 5 เพลง สมัยนั้น Neil Turbin รับตำแหน่งร้องนำและได้ Ross the Boss (มือกีตาร์วง Manowar) มาช่วยโปรดิวซ์งานให้ ซิงเกิ้ล แรกของพวกเขามีชื่อว่า Soldiers of Metal อันส่งผลให้ Anthrax กลายเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นในแวดดวงเมทัลอันเดอร์กราวน์ด



ด้วย อิทธิพลจากวง NWOBHM อย่าง Judas Priest และ Iron Maiden ผสมผสานกับความก้าวร้าวของ hardcore punk ทำให้ดนตรีของ Anthrax กลายเป็นของใหม่ที่มีลักษณะเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร(นอกจากนี้พวกเขายังได้รับ การกล่าวขานว่าเป็นวงเฮฟวี่เมทัลวงแรกที่ทำลายกำแพงกั้นเขตแดนระหว่างดนตรี punk, rap และheavy metal ออกจากกัน โดยเฉพาะไสตล์การร้องแบบติดแร็ฟของ Belladonna ที่เข้ามาเป็นสมาชิกในภายหลัง) สมาชิกยุคดั้งเดิมประกอบด้วย Scott Ian (guitar), Dan Spitz (guitar), Neil Turbin (vocal), Charlie Benante (drums) และDan Liker (Bass) ออกอัลบั้มแรกในปี 1984 ชื่อว่า “Fistful Of Metal” ในปีถัดมา Liker ออกจากวงไปและได้ฟอร์มวง Nuclear Assault ขึ้น Frank Bello จึงเข้ามาเสียบแทน ส่วน Turbin เองก็ตัดสินใจลาออกเช่นกันแต่ก็ป็นโชคดีของทางวงที่ได้ Joey Belladonna มาร่วมงานแทน หลังจากนั้นทางวงได้ออกผลงาน EP คือ Armed And Dangerous และตามด้วยสตูดิโออัลบั้มเต็มลำดับถัดมาคือ Spreading The Disease สองอัลบั้มนี้ส่งผลให้ทางวงได้ชื่อว่าเป็นวงที่ทำดนตรีออกมาได้ดิบกร้าวมาก ที่สุดซึ่งก็กลายเป็นเครื่องหมายการค้าของ Anthrax เองไปโดยปริยาย

ปี 1987 พวกเขาออกอัลบั้ม Among The Living ซึ่งทำให้พวกเขาเพิ่มความเก๋ามากขึ้นในฐานะของวง เมทัลชั้นหัวแถวในสมัยนั้น อารมณ์ภาคดนตรีในอัลบั้มนี้มีความแตกต่างจากอัลบั้มก่อน ๆ อยู่มากด้วยการนำดนตรี hardcore punk เข้ามาผสมจนกลิ่นฟุ้งตลบ ขณะเดียวกันเนื้อหาเพลงยังเน้นไปในเชิงแนวคิดเกี่ยวกับสังคมอีกด้วย “I Am The Law” กับ “Indians " (พูดถึงชาวพื้นเมืองอเมริกัน)” คือ tracks อมตะนิรันด์กาลที่บรรจุอยู่ในอัลบั้มนี้ด้วยเช่นกัน State Of Euphoria คือผลงานลำดับต่อมาที่ออกตามมาติด ๆ ในปี 1988 ที่อัดแน่นไปด้วย thrash metal ระดับคลาสสิคล้วน ๆ ในช่วงนั้นพวกเขากลายเป็นหนึ่งในวงแธรชเมทัลระดับเจ้าพ่อไปเสียแล้วด้วยการ ถูกยกย่องขึ้นบัลลังก์ให้เป็นหนึ่งใน 4 เจ้าแห่งแธรชเมทัลระดับโลก (ประกอบด้วย Metallica, Slayer, Megadeth และAnthrax) หรือชื่อเรียกอื่น ๆ เช่น Four Kings, Four Horsemen และBig Four of the thrash metal movement อย่างไรก็ตามแธรชเมทัลของ Anthrax นั้นมีซาวน์ดที่แตกต่างออกไปจาก 3 วงอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด



ปี 1990 ทางวงออกผลงานลำดับต่อมาในชื่อ Persistence Of Time ที่ถือได้ว่าเป็นอัลบั้มที่เจ๋งที่สุดที่พวกเขาได้สร้างขึ้นเมื่อเทียบกับ อัลบั้มก่อนหน้านี้ ด้วยการให้ความสำคัญมากขึ้นในทุก ๆ ด้านของการ production ไม่ว่าจะเป็นการเขียนเพลง หรือการบันทึกเสียง ดนตรีมีรายละเอียดมากขึ้นกว่าเดิมช่องว่างระหว่างดนตรี rap และmetal ดูเหมือนจะปิดสนิทลงเมื่อพวกเขาร่วมออกทัวร์กับวงเพื่อนซี้ N.Y. Rapper สุดเก๋า Public Enemy (Bring The Noise อาจถือได้ว่าเป็นเพลง rap metal แรก ๆ ของโลก) อัลบั้มนี้คืออัลบั้มแธรชที่ชาวเฮดแบงเกอร์สมควรอย่างยิ่งที่จะมีไว้ในครอบ ครอง

Sound OF White Noise (1993) คือผลงานแรกที่ John Bush (อดีต นักร้องนำวง Armored Saint) เข้ามารับตำแหน่งร้องนำแทน Belladonna ซึ่งถูกมติของวงไล่ออกไปอันเนื่องมาจากความขัดแย้งบางประการที่สั่งสมมานาน จนมาถึงจุดแตกหัก กระนั้นก็ตาม SOWN เป็นอัลบั้มที่ทำออกมาได้แข็งแกร่งไม่แพ้ Persistence Of Time ซึ่งหมายถึงว่าการจากไปของ Belladonna ไม่ได้ส่งผลกระทบต่องานโดยรวมของ Anthrax มากนัก

การ เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อ Spitz ตัดสินใจออกจากทีมไปช่วงที่วงกำลังทำงาน Stomp 442 (ปี 1995) แม้ว่าจะมีขุนขวานในตำนานและเพื่อนซี้ปึ๊กอย่าง Dimebag Darell (อดีต มือกีตาร์วง Pantera/Damage Plan ผู้ล่วงลับไปแล้ว) มาช่วยงานด้านภาคกีตาร์ มันก็ยังเป็นอัลบั้มที่แสนสุดจะน่าเบื่อ การวิจารณ์ในเชิงลบทั้งในตัวอัลบั้มเองและเกี่ยวกับสมาชิกของทางวงเอง รวมถึงกระแสของดนตรี grunge ที่เข้ามาเบียดบังรัศมี คล้ายจะเป็นการตอกย้ำให้ Anthrax กลายเป็นวง 4 ชิ้นที่อยู่ในช่วงที่ตกต่ำสุด ๆ เช่นเดียวกับอัลบั้ม Volume 8: The Threat Is Real ที่ ออกมาหลังจากนั้นสามปี (1998) แม้คุณภาพของงานจะเป็นเมทัลระดับมาตรฐานก็ตาม มันกลับไม่ได้รับการตอบรับที่ดีเท่าไรนัก เพราะแม้ว่ากระแสดนตรีกรันจ์จะเริ่มโรยราลงแต่ nu-metal เริ่มจะมาแรงแซงขึ้นแทน การเล่นดนตรีแธรชในแบบโอลสคูลด์ดูเหมือนจะเป็นอะไรที่ล้าสมัยไปเสียแล้ว มีแต่เพียงแฟนพันธ์แท้เท่านั้นที่ยังคงให้การสนับสนุนทางวงอยู่อย่างต่อ เนื่อง ปัญหานี้แน่นอนว่าไม่ได้เกิดขึ้นกับ Anthrax เพียงวงเดียวเท่านั้น อีก 3 บิ๊กเอง หรือแม้แต่วงแธรชชั้นนำทั้งหลายทั้งจากแถบ Bay Area และแหล่งอื่น ๆ ใน USA และทั่วทุกมุมโลกต่างก็ถูกกระแสดังกล่าวเล่นงานขัดแข้งขัดขาจนเป๋ไปตาม ๆ กัน



หลัง จากยุครุ่งเรืองของ Anthrax ดูเหมือนว่าจะจบลงแล้วสมาชิกแต่ละคนต่างมีหน้าที่อื่น ๆ ต้องทำกันนอกเหนือจากการอยู่ในวงเฮฟวี่เมทัลติดดินเพี้ยน ๆ ที่ใส่กางเกงขาสั้นเล่นคอนเสิร์ต อย่างไรก็ตามพวกเขาส่วนใหญ่ยังคงวนเวียนอยู่ในสารบบของดนตรีเฮฟวี่เมทัลที่ เขามอบชีวิตให้ Frank ไปช่วยเล่นเบสให้กับวง Helmet (อเมริกันฮาร์ดคอร์พังค์/เมทัล) ส่วน Scott เองก็ไปเสนอหน้าทางทีวีรายการเพลงเฮฟวี่เมทัลที่ชื่อว่า Rock Show ของ VH1 และได้แสดงเป็นส่วนหนึ่งของวงเมทัลนาม Titannica ในภาพยนต์เรื่อง Run, Ronnie, Run อีกด้วย ในช่วงซัมเมอร์ 2000 ทางวงได้ไปแจมเล็ก ๆ น้อย ๆ ในทัวร์ของ Motley Crue กับ Megadeth นอกจากนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งในอัลบั้ม tribute วง Twisted Sister (2001) ด้วยเพลง Destroyer มือกีตาร์คนใหม่ Rob Caggiano เข้าร่วมวงเมื่อฤดูใบไม้ผลิ 2002 เพื่อช่วยเสริมทัพให้แก่ทางวงทำอัลบั้มใหม่ ซึ่งในปีถัดมา (2003) นั้นเองพวกเขาก็ได้ออกอัลบั้มที่สาวกทั่วโลกต่างรอคอย “We Come For You All” John ยังคงรับหน้าที่แหกปากให้กับทางวงอยู่เช่นเคย อัลบั้มนี้ได้รับการวิจารณ์ในเชิงบวกเสียเป็นส่วนมาก อีกทั้งการทัวร์สนับสนุนอัลบั้มยังประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม Anthrax คืออีกหนึ่ง Thrashers ที่ลุกขึ้นมาจากหลุมเพื่อกลับมาทวงบัลลังก์คืน ในช่วงที่เฮฟวี่เมทัลเริ่มกลับมาบูมอีกครั้ง เช่นเดียวกับวงหัวแถวอย่าง Death Angel, Exodus, Over Kill, Megadeth, Metal Church, etc…

20 ปีบนเส้นทางสายเมทัลหนักกระโหลกของ Anthrax ณ ปัจจุบันนี้สมาชิกยุคคลาสสิค Among The Living อันประกอบด้วย Scott, Spitz, Frank, Charlie และ Belladonna ได้กลับมา reunion เพื่อแพร่กระจายโรคร้ายกันอีกครั้งโดยการนำของ Charlie ที่คิดว่าถึงเวลาอันสมควรแล้วที่พวกเขาจะต้องกลับมาปลดปล่อยพลังความบ้ากัน อีกครั้งเสียที ด้วยการออกทัวร์ทั่วโลกอย่างบ้าคลั่งในรอบ 13 ปีที่พวกเขาไม่ได้ร่วมงานกัน อย่างไรก็ตาม John และRob ยังคงมีสถานะของการเป็นสมาชิกของ Anthrax เช่นเดิม


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์