CL จ๋าพี่มาแล้ว!เรือเฮลั่นไก่ยิงตัวเองดับ 1-0


พรีเมียร์ ลีก

วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม 2554


แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1 : 0 สเปอร์ส

ประตู :
1-0 ปีเตอร์ เคร้าซ์(o.g.) น.30

แมตช์นี้ไม่บอกก็ต้องรู้ได้เลยว่าหากแมนเชสเตอร์ ซิตี้เจ้าบ้านพลาดพลั้งพ่ายแพ้ขึ้นมา อาจจะทำให้เสียวสันหลังว๊าบขึ้นมาได้แน่ เนื่องจาก "เรือใบ" มีแต้มห่างกับสเปอร์สอยู่ 6 คะแนน หากโดนซิว 3 แต้มไปได้ "ไก่เดือยทอง" ก็จะมีความหวังขึ้นมาทันทีสำหรับพื้นที่อันดับ 4 ในเกมที่เหลือของฤดูกาล

เกมนี้ที่น่าสนใจที่คือคาร์ลอส เตเบซกลับมามีชื่อในทีม แม้จะเป็นเพียงแค่ตัวสำรอง แต่นั่นก็มีความหมายมากสำหรับเจ้าบ้าน

ครึ่งแรก

เซโก้ยิงติดเซฟ

นาทีที่ 10 พอดิบพอดี หลังจากหยั่งเชิง ผลัดกันรุกรับมาได้สักพัก แมนฯซิตี้ก็มามีโอกาส จากจังหวะที่ขึ้นเกมทางริมเส้น ก่อนที่จะเปิดเข้ากลางให้เซโก้เข้าพุ่งเข้าแปบอลเต็มๆ แต่บอลก็ไปติดตัวของคูดิชินี่ที่ออกมาบล็อกเอาไว้ได้เต็มๆเช่นเดียวกัน ถือว่าได้เสียวกันไป

ไก่เซ็ตเกมได้แล้ว

หลังจากผ่านช่วงต้นเกมไปได้สักพัก ตอนนี้สเปอร์สก็เริ่มที่จะเซ็ตเกมของพวกเขาได้แล้วและก็ได้ครองบอลในแดนกลางมากขึ้น แต่จังหวะที่จะทะลวงเข้าไปถึงเขตโทษของแมนฯซิตี้นั้นยังทำได้ไม่จะแจ้งเท่าไร


ฉายหลายรอบ!ดอว์สันกระแทกเต็มๆ

รู้สึกว่ารีเพลย์จะฉายหลายรอบมากสำหรับจังหวะที่ แมนฯซิตี้ได้บอลแล้วจ่ายทะลุไปให้กับมิลเนอร์หลุดเข้ากรอบเขตโทษแล้ว ก่อนที่จะโดนทางดอว์สันพุ่งเข้าใช้ตัวเบียดกระแทกก่อนที่จะล้มลงไป แต่ผู้ตัดสินไม่ได้ว่าอะไร

ไก่ช็อก!เปรตสกัดฆ่าตัวตาย

งานนี้ได้เห็นไก่ตาแตกกันเป็บแถบๆ จากจังหวะเตะมุมของแมนฯซิตี้ที่เล่นสั้น ก่อนที่มิลเนอร์จะลากจี้เข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งขวา แล้วเปิดยัดเข้ากลาง ซึ่งเคร้าซ์ที่ลงไปช่วยเพื่อนในกรอบเขตโทษพยายามจะแหย่สกัด แต่ด้วยความที่บอลพุ่งมาเร็วทำให้เขาเตะผิดเหลี่ยมบอลพุ่งเข้าประตูไปหน้าตาเฉย "เรือใบ" เฮงสุดๆได้ประตูนำไป 1-0 ในเกมสุดตึงเครียด นาทีที่ 30 พอดิบพอดี

มันโช่แม้นำแต่เครียดจัด

แม้ว่าแมนเชสเตอร์ ซิตี้จะได้ประตูขึ้นนำไปก่อนนั้น แต่มันชินี่กุนซือของทีมยังคงเครียดจัดกับการแข่ง เพราะอะไรก็ยังไม่แน่ไม่นอน ทำให้ต้องเน้นลูกทีมในทุกๆช๊อตเท่าที่จะทำได้

ไก่เซ็ง!ปาลาซิออสเจ็บ

นาทีที่ 32 สเปอร์สจำใจต้องเปลี่ยนเอาปาลาซิออสมิดฟิลด์ในแดนกลางออกเนื่องจากมีอาการบาดเจ็บและเล่นต่อไม่ไหว ก่อนที่จะส่งพีนาร์ลงไปเล่นแทน

ไก่ต้องเร่งแล้ว

เข้าสู่ช่วง 5 นาทีสุดท้าย ตอนนี้แม้ว่าสเปอร์สจะครองบอลได้มากกว่า แต่สกอร์ยังคงตามหลังอยู่ ทำให้พวกเขาต้องพยายามเร่งระดับเกมของตัวเองขึ้นมามากกว่าการที่จะครองบอลเท่านั้น เพราะต้องการประตูเสียมากกว่า

ช่วงท้ายเกมแม้ว่าสเปอร์สจะพยายามบุกเพื่อทวงประตูคืนแค่ไหน แต่ดูเหมือนว่าจังหวะสุดท้ายของพวกเขายังขาดไปพอสมควร ทำให้กดดันทางเจ้าบ้านไม่ได้เท่าไร สุดท้ายจบครึ่งแรกเป็นทางแมนฯซิตี้ที่นำอยู่ 1-0

ครึ่งหลัง

ฮาร์ทเซฟสุดติ่ง

เริ่มครึ่งหลังมาได้เพียงแค่นาทีเศษๆเท่านั้น ฮาร์ทก็โชว์ฟอร์มการเซฟที่ช่วยให้แมนฯซิตี้ยังไม่โดนตีเสมอ จากจังหวะเลนน่อนได้บอลทางฝั่งขวาก่อนจากลากจี้แล้วโยนบอลเข้ากลางให้กับพีนาร์ได้โฉบโหม่งสะบัดไปเสาสองแบบเต็มๆ แต่ฮาร์ทดีดตัวปัดเอาไว้ได้มือเดี่ยวแบบเฉียดฉิวสุดๆ ยอดเยี่ยมจริงๆ


เจ็บแทน!ซาบาเลต้าได้เลือด


นาทีที่ 52 จากจังหวะที่โดดแย่งโหม่งกับทางเคร้าซ์ ทำให้ซาบาเลต้าได้เลือดเลยทีเดียว เพราะจมูกไปโดนแขนที่กางขอนเคร้าซ์แบบเต็มๆ ทำให้ต้องออกไปปฐมพยาบาลที่ข้างสนาม เจ้าตัวหงุดหงิดน่าดู

ไม่ไหวจริง!เรือส่งโคลารอฟลง

เลือดของซาบาเลต้าที่จมูกดูเหมือนว่าการปฐมพยาบาลขั้นต้นจะทำให้หยุดไหลไม่ได้ ทางแมนฯซิตี้จึงไม่มีทางเลือกต้องส่งโคลารอฟลงไปเล่นแทนเพื่อรักษาสมดุลของทีมเอาไว้

ไก่พยายามเต็มที่

เข้าสู่นาทีที่ 65 ของเกม สเปอร์สแม้ว่าจะพยายามขึงเกมรุกบุกใส่แมนฯซิตี้อย่างไร แต่โอกาสในการที่จะจบสกอร์ของพวกเขานั้นถือว่าน้อยเหลือเกิน แถมยิ่งพยายามเร่งก็ดูจะติดขัดกันไปด้วย ทำให้โดนแมนฯซิตี้ซึ่งได้เปรียบอยู่ดักเอาไว้ได้หมด

เรืออย่างเขี้ยวส่งปั๊ตลง

อีก 1 นาทีต่อมา แมนฯซิตี้เน้นสุดๆเห็นว่าเกมในแดนกลางเป็นรองก็เลยจัดการส่งวิเอร่าซึ่งมีประสบการณ์สูงลงไปเล่นแทนจอห์นสัน

เกมมันตึงๆ

เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย ชัดเจนเลยว่าเกมมันค่อนข้างจะตึงเอามากๆ เนื่องจากแมนฯซิตี้เองก็ต้องการเน้นสกอร์ชัวร์ไว้ก่อนและรอสวน ส่วนทางสเปอร์สได้ครองบอลบุกก็จริง แต่แทบหาโอกาสเข้าไปลุ้นจะๆไม่ได้เลยสักครั้ง หากเป็นแบบนี้ต่อไป เจ้าบ้านสุขสมหวังอย่างแน่อน

ไก่เปลี่ยนซาไกลง

นาทีที่ 78 สเปอร์สต้องขยับแล้วด้วยการส่งเดโฟลงไปเล่นแทนเคร้าซ์ที่วันนี้แทบจะไม่ได้ช่วยอะไรเพื่อนเลย แถมยังทำเข้าประตูตัวเองไปอีกด้วย

ข้ามาแล้ว!เตฟคืนสนาม

นาทีที่ 83 หนึ่งในไฮท์ไลท์ของเกมนี้เลยก็คือการกลับมาคืนสนามของเตเบซก่อนหน้าที่จะทำศึกชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพหลังจากที่เจ็บมานาน โดยเขาถูกเปลี่ยนลงไปเล่นแทนซิลบา

กัลลาสเซฟสวยมาก

อีก 4 นาทีต่อมา แมนฯซิตี้กำลังจะได้ประตูปิดกล่องอยู่แล้วแท้ๆ แต่ลูกยิงของยาย่า ตูเร่ที่ทะลุเข้ากรอบเขตโทษก่อนจะชิพข้ามตัวคูดิชินี่ บอลพุ่งเข้าหาประตูเข้าแล้วแน่ๆ แต่กลับเป็นกัลลาสที่พุ่งเข้ามาโหม่งสกัดทิ้งได้ทันในวินาทีสุดท้ายพอดี

ช่วงท้ายเกมทด 5 นาทีสเปอร์สพยายามที่จะทวงประตูคืนให้ได้เพราะเดิมพันถึงตั๋วการไปเล่นแชมป์เปี้ยนส์ ลีก แต่สุดท้ายพวกเขาก็ไม่ประสบความสำเร็จ แถมยังเกือบโดนเตเบซส่องอีกลูกด้วย ก่อนที่สุดท้ายจบ 90 นาที แมนเชสเตอร์ ซิตี้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับทีมด้วยการไปเล่นแชมป์เปี้ยนส์ ลีกด้วยชัยชนะเหนือสเปอร์ส 1-0 มีเพิ่มเป็น 65 คะแนน การันตีแล้วแน่ๆแถมยังได้ลุ้นคว่ำอาร์เซนอลซึ่งมีคะแนนเหนือพวกเขาแค่ 2 คะแนนในอันดับที่ 3 อีกด้วย

ส่วนสเปอร์สนั้นต้องชอกช้ำกันไป มี 56 คะแนนเท่าเดิมที่ลุ้นได้ตอนนี้คือการแย่งชิงการไปเล่นยูโรป้า ลีกกับลิเวอร์พูลนั่นเอง

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ :
โจ ฮาร์ท 7,โจเลี่ยน เลสค็อตต์ 7.5,แวนซองต์ กอมปานี 8*,ปาโบล ซาบาเลต้า 6(โคลารอฟ 6 น.57),ไมกาห์ ริชาร์ดส์ 7,ไนเจล เด ยอง 6,เจมส์ มิลเนอร์ 6.5,ยาย่า ตูเร่ 5.5,ดาวิด ซิลบา 7(เตเบซ 6 น.83),เอดิน เซโก้ 6.5,อดัม จอห์นสัน 5.5(วิเอร่า 6.5 น.67)

สเปอร์ส : คาร์โล คูดิชินี่ 7.5,ไมเคิ่ล ดอว์สัน 6.5,วิลเลี่ยม กัลลาส 6(กาบูล - น.88),แดนนี่ โรส 7,เวดราน ชอร์ลูก้า 7,วิลสัน ปาลาซิออส 5.5(พีนาร์ - น.32),ซานโดร 8,ลูก้า โมดริช 7.5,ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ต 6,แอร่อน เลนน่อน 7.5,ปีเตอร์ เคร้าซ์ 5(เดโฟ - น.78)




 





 

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์