Linkin Park

Linkin Park

ลินคิน พาร์ค (Linkin Park) ศิลปินจากลอสแองเจลลิสกลายเป็นวงดนตรี "นูเมทัล" (Nu-Metal)
ระดับแนวหน้าของโลกไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยบทเพลงน่าสนใจ ที่เต็มไปด้วยความหลากหลายของดนตรี เมทัล, ฮิพฮ็อพ, อีเลคโทรนิค, อินดัสเตรียล และยังคงมีกลิ่นไอของความเป็นป๊อปอยู่ด้วย โดยทั้งหมดมีที่มาจาก การที่ ไมค์ ชิโนดะ Mike Shinoda (Emcee, Vocal) ไปชมคอนเสิร์ตของวงแอนแทร็กซ์ (Anthrax) และ พับลิก อีเนมี่ (Public Enemy) ในช่วง พ.ศ. 2532 - 2533 และการแสดงในช่วงที่แฟนเพลงเรียกร้องให้ขึ้นเวทีอีกครั้ง หรือช่วงอังกอร์ของคอนเสิร์ต ในครั้งนั้น ทั้ง 2 วง ลุกขึ้นมาแสดงดนตรีร่วมกันในบทเพลง บริงก์ ดา น้อยซ์ (Bring Da Noise) ซึ่งเป็นการจุด ประกายให้ ไมค์ อยากทำงานเพลงในทิศทางนั้น


ลินคิน พาร์ค (Linkin Park) จึงเริ่มต้นจาก ไมค์ ชิโนดะ (Mike Shinoda: Emcee, Vocal) หนุ่มน้อยผู้คลั่งไคล้ในวัฒนธรรมดนตรีฮิพฮ็อพ กับ แบรด เดลสัน (Brad Delson: Guitar) มือกีตาร์สมัครเล่น ทั้ง 2 หนุ่มเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่เกรด 7 ( ประมาณ 13 ปี ) โดยในช่วงแรก ไมค์ (Mike) รับหน้าที่ทำบีทให้วงฮิพฮ็อพ หลังจากนั้นจึงได้พบกับ ร็อบ บอร์ดอน (Rob Bourdon: Drums) มือกลอง ณ โรงเรียนใกล้ๆ ในแถบซาน เฟอร์นานโด้ แวลลีย์ (San Fernando Valley) ส่วน โจ ฮาห์น (Joseph Hahn: DJ) ผู้รู้จักกับ ไมค์ (Mike) ขณะศึกษาที่ อาร์ต เซ็นเตอร์ คอลเลจ (Art Center College) ใน พาซาดีนา (Pasadena Art school) ตามมาเป็นหนึ่งในสมาชิก และร่วมตั้งวงดนตรีชื่อ ซีโร่ (Xero) ใน พ.ศ. 2539 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดการแสดงเล็กๆ สร้างความครื้นเครงและมันส์อย่างสุดๆ ในงานเลี้ยงสังสรรค์ที่บ้านเพื่อน


เมื่อ ซีโร่ (Xero) มีโอกาสได้ไปแสดงดนตรีที่ วิสกี้ อะโกโก้ ( Whisky A Go-Go ) คลับดังของแอลเอ และด้วยฝีมือการแสดงอันโดดเด่น จึงเป็นที่ถูกใจ เจฟฟ์ บลู (Jeff Blue) แห่ง ซอมบ้า มิวสิค พับลิชชิ่ง ( Zomba Music Publishing) และได้เซ็นสัญญาในที่สุด ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์สำคัญและผลักดันให้ ซีโร่ (Xero) มีโอกาสในวงการดนตรีมากขึ้น เนื่องจาก เจฟฟ์ (Jeff) มีส่วนผลักดันให้ผลงานเพลงตัวอย่างของ ซีโร่ (Xero) เป็นที่รู้จักของผู้คนในวงการเพลงมากขึ้น


 



ต่อมา ซีโร่ (Xero) ได้เซ็นสัญญากับ วอร์เนอร์ บราเธอร์ส (Warner Brothers) อย่างเป็นทางการ ภายหลังจากนั้นไม่นาน เจฟฟ์ (Jeff) ย้ายตามไปทำงานร่วมกันโดยดำรงตำแหน่ง เอ็กเซ็กคิวทีฟ โปรดิวเซอร์ (Executive Producer) ด้วย ขณะนั้น ซีโร่ (Xero) ต้องการสมาชิกเพิ่มในตำแหน่ง นักร้องนำ เชสเตอร์ เบนนิงตัน (Chester Bennington: second vocal) หนุ่มจากอริโซน่าจึงเข้ามาเป็นสมาชิกคนต่อไปในฐานะนักร้องนำ โดย เชสเตอร์ (Chester) ได้รับเทปตัวอย่างที่ ซีโร่ (Xero) ทำขึ้นจากสตูดิโอเล็กๆ ในห้องนอนของ ไมค์ (Mike)


นอกจากนี้ทั้ง เชสเตอร์ (Chester) และ ไมค์ (Mike) รู้จักกันผ่านทางสำนักทนาย ไมเนียท เฟลพส์ แอนด์ เฟลพส์ (Miniet Phelps and Phelps) ที่ทั้งคู่ใช้บริการ เชสเตอร์ (Chester) สนใจที่จะร่วมงานกับ ซีโร่ (Xero) มาก จนถึงกับแอบหนีงานเลี้ยงฉลองวันเกิดครบรอบ 23 ปีของตนไปอย่างหน้าตาเฉย เพื่อรีบไปบันทึกเสียงร้องของตนลงเทปตัวอย่างกลางดึก จากนั้นได้โทรศัพท์เปิดเทปตัวอย่างให้กับทางวงฟัง ซึ่งทุกคนชอบมากจึงรับ เชสเตอร์ (Chester) เป็นสมาชิกใหม่ทันที


 


จากนั้นสมาชิก ซีโร่ (Xero) ทั้งหมดตกลงใจเปลี่ยนชื่อวงเป็น ไฮบริด ธีโอรี่ (Hybrid Theory) แต่บังเอิญไปซ้ำกับชื่อวงดนตรีของศิลปินกลุ่มอื่น จนในที่สุดจำต้องเปลี่ยนชื่อมาเป็นวง ลินคิน พาร์ค (Linkin Park) ซึ่งเป็นชื่อที่แผลงตัวสะกดมาจาก ลินคอล์น พาร์ค (Lincoln Park) ซึ่งมีที่มาที่ไปจากการมองการณ์ไกลไปถึงการสร้างเว็บไซต์ประจำวง เนื่องจากมีการจดทะเบียนซื้อขายชื่อโดเมน ลินคอล์นพาร์ค.คอม (lincolnpark.com) ไปเรียบร้อย ก่อนที่ทางวงจะไปขึ้นทะเบียนวงดนตรีของพวกตน และหากยังคงต้องการใช้ชื่อนั้น ก็ต้องเตรียมจ่ายเงินจำนวนมหาศาลแน่นอน


จากนั้นสมาชิก ซีโร่ (Xero) ทั้งหมดตกลงใจเปลี่ยนชื่อวงเป็น ไฮบริด ธีโอรี่ (Hybrid Theory) แต่บังเอิญไปซ้ำกับชื่อวงดนตรีของศิลปินกลุ่มอื่น จนในที่สุดจำต้องเปลี่ยนชื่อมาเป็นวง ลินคิน พาร์ค (Linkin Park) ซึ่งเป็นชื่อที่แผลงตัวสะกดมาจาก ลินคอล์น พาร์ค (Lincoln Park) ซึ่งมีที่มาที่ไปจากการมองการณ์ไกลไปถึงการสร้างเว็บไซต์ประจำวง เนื่องจากมีการจดทะเบียนซื้อขายชื่อโดเมน ลินคอล์นพาร์ค.คอม (lincolnpark.com) ไปเรียบร้อย ก่อนที่ทางวงจะไปขึ้นทะเบียนวงดนตรีของพวกตน และหากยังคงต้องการใช้ชื่อนั้น ก็ต้องเตรียมจ่ายเงินจำนวนมหาศาลแน่นอน

นอกจากนี้ในสหรัฐอเมริกามีสวนสาธารณะชื่อ ลินคอล์น พาร์ค (Lincoln Park) อยู่หลายแห่ง ดังนั้นหากไปเปิดการแสดงดนตรีที่ใดก็ตาม จะกลายเป็นเหมือนกับวงดนตรีท้องถิ่นทั่วไป ที่สำคัญคือทุกคนชอบชื่อ ลินคอล์น พาร์ค (Lincoln Park) และยังเป็นสถานที่ที่ เชสเตอร์ (Chester) ขับรถผ่านภายหลังจากซ้อมดนตรีเสร็จเป็นประจำ ลินคอล์น พาร์ค (Lincoln Park) เป็นสถานที่แห่งหนึ่งของชนชั้นกลาง และ คนจรจัดของเมืองซานต้า โมนิก้า (Santa Monica)

ต่อมา ลินคิน พาร์ค (Linkin Park) ได้ร่วมงานกับ โปรดิวเซอร์ชื่อดังอย่าง ดอน กิลมอร์ (Don Gilmore) ผู้เคยร่วมงานกับศิลปินชื่อดังมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เพิร์ล แจม (Pearl Jam ) , เอเพ็กซ์ ธีโอรี่ (Apex Theory) , ชูการ์ เรย์ (Sugar Ray) และในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2543 ออกผลงานชุดแรกของ ลินคิน พาร์ค (Linkin Park) จะใช้ชื่ออะไรไปไม่ได้นอกจากชื่อที่ยังคาใจทุกคนอยู่ นั่นก็คือ ไฮบริด ธีโอรี่ [Hybrid Theory] ทุกคนยอมรับว่าคือ วลีที่สรุปจุดมุ่งหมายของวงได้ดีที่สุด และต้องมีการใสวงเล็บเพิ่มลงไปด้วย

ไฮบริด ธีโอรี่ [Hybrid Theory] ของวงดนตรีหน้าใหม่วงนี้ ประกอบไปด้วยบทเพลงเยี่ยมยอดมากมาย ที่สามารถทะยานเข้าสู่ ท็อป 20 ของบิลบอร์ด (Billboard Top 20) ได้สัปดาห์แรก บทเพลง วัน สเต็ป คโลสเซอร์ (One Step Closer) โดนใจนักจัดรายการวิทยุทั่วโลกไปเต็มๆ รวมทั้ง ครอวลิ่งก์ (Crawling) และ อิน ดิ เอ็นด์ (In the End) ผลงานชุดนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นผลงานคุณภาพที่สื่อผสานพลังแห่งการเลือกสรรดนตรี ลงตัวที่สุดของยุค !!

ช่วงนั้น แบรด (Brad) จบระดับไฮสกูล และเข้าศึกษาต่อที่ ยูซีแอลเอ (UCLA) และเป็นเพื่อนร่วมห้องกับ ฟีนิกซ์ (Pheonix) สมาชิกรุ่นก่อตั้งวงในประมาณปี พ.ศ. 2544 จึงชักชวนให้กลับเข้าร่วมงานด้วยกันอีกครั้ง ในฐานะสมาชิกคนที่ 6 ของ ลินคิน พาร์ค (Linkin Park) (แต่ในปกผลงานชุด ไฮบริด ธีโอรี่ [Hybrid Theory] ลงเครดิตเพียงแค่ 5 คน เท่านั้น)

ต่อมา ลินคิน พาร์ค (Linkin Park) ได้รับรางวัล (The favor of MTV's pop-oriented TRL crowd) และภายในปี 2544 ออกแสดงทัวร์คอนเสิร์ตทั้งสิ้น 324 คอนเสิร์ต รวมไปถึง การแสดงในเทศกาลดนตรี แฟมิลี่ แวลูส์ ( Family Values ) อ็อซเฟสท์ ( Ozzfest ) และ โปรเจ็คท์ รีโวลูชั่น ( Projekt Revolution ) ถูกเสนอชื่อเข้าชิง รางวัลแกรมมี่ 3 รางวัล ในสาขา ผลงานเพลงร็อคยอดเยี่ยม ( Best Rock Album ) ศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม ( Best New Artist ) และ การแสดงดนตรีฮาร์ดร็อคยอดเยี่ยม ( Best Hard Rock Performance ) และคว้า รางวัลสาขาการแสดงดนตรีฮาร์ดร็อคยอดเยี่ยม ( Best Hard Rock Performance ) ประจำปี 254 4 อีกทั้งยังสร้าง สถิติยอดจำหน่ายสูงสุดแห่งปี 2543 ต่อมา พ.ศ. 254 5 ไฮบริด ธีโอรี่[Hybrid Theory] ทำสถิติยอดจำหน่ายแพล็ทตินั่มกว่า 8 ล้านแผ่น และ สร้างยอดจำหน่ายสูงสุดอันดับ 5 ประจำปี 2545 อีกด้วย

กรกฎาคม พ.ศ. 2545 ออกผลงานรีมิกซ์ชุดต่อมา รีอะนิเมชั่น (Reanimation) และใช้เวลานานถึง 18 เดือน ในการเขียนและบันทึกผลงานเต็มชุดที่ 2 ที่ประสบความสำเร็จภายใต้ชื่อ เมทีโอร่า (Meteora) ที่โปรดิวซ์โดย ดอน กิลมัวร์ (Don Gilmore) มิกซ์เสียงโดย แอนดี้ วอลเลซ (Andy Wallace) ผู้เคยฝากผลงานไว้กับ แอท เดอะ ไดรฟ์ อิน (At The Drive-In) , ดิสเทิร์บท์ (Disturbed), ฟู ไฟเตอร์ (Foo Fighters), คอร์น (Korn), ลิมพ์ บิซคิท (Limp Bizkit), เนอวาน่า (Nirvana), เรจ อเกนสท์ เดอะ แมชชีน ( Rage Against The Machine ) และ ซิสเต็ม ออฟ ดาวน์ (System Of A Down)

ลินคิน พาร์ค (Linkin Park) ยอมรับว่า ได้รับอิทธิพลดนตรีมาจาก เดฟโทนส์ (Deftones), ไนน์ อินช์ เนลส์ (Nine Inch Nails), เอเฟ็กซ์ ทวิน (Aphex Twin) และ เดอะ รูทส์ (The Roots) ปัจจุบันนี้ ลินคิน พาร์ค (Linkin Park) คือหนึ่งในวงดนตรีซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของแฟนเพลงทั่วโลก และมีความเป็นกันเองกับแฟนเพลงอย่างสุดๆจนเป็นที่รู้กันว่าเปิดการแสดงที่ไหนเป็นต้องแจกลายเซ็นเป็นร้อยๆ ที่นั่น !!
























Linkin Park


Linkin Park


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์