ปิดตำนาน สโคลส์ เจ้าชายหัวแดงเพลิง






พอล สโคลส์ อีกตำนานของปีศาจแดง ผู้ซึ่งใช้"เท้าพูดแทนปาก"



ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม : พอล สโคลส์
ชื่อเล่น : Ginger Prince
วันเกิด : 16 พฤศจิกายน 1974
สถานที่เกิด : ซัลฟอร์ด, แมนเชสเตอร์, ประเทศอังกฤษ
ส่วนสูง : 171 เซนติเมตร(5ฟุต7นิ้ว)
ตำแหน่ง : กองกลาง
หมายเลขเสื้อ : 18

ระดับเยาวชน
1991-1994 : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด(8 กรกฎาคม 1991)

ระดับอาชีพ
1994-2011 : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงเล่น 676 นัด ยิง 150 ประตู

ระดับทีมชาติ
1997-2004 : อังกฤษ ลงเล่น 66 นัด ยิง 14 ประตู






     ไม่ง่ายที่นักฟุตบอลอาชีพคนหนึ่ง จะสามารถทำผลงานได้เข้าตาตำนานลูกหนังโลกอย่าง เซอร์ บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน ได้ แต่อดีตดาวเตะทีมชาติอังกฤษชุดแชมป์โลก และอดีตสตาร์ แมนฯ ยูไนเต็ด ชุดแชมป์ยุโรปครั้งแรก กลับประทับอกประทับใจไอ้หนุ่มหัวแดงนามว่า "พอล สโคลส์" เป็นอย่างยิ่ง

     "เขาคอนโทรลลูกบอลได้เฉียบขาด แถมยังผ่านบอลได้อย่างดีเยี่ยม นี่คือนักเตะที่เล่นฟุตบอลได้เนียนตาดีเหลือเกิน" เซอร์ บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน นิยามนักเตะรุ่นหลานเอาไว้อย่างสมบูรณ์แบบ






     สโคลส์ เป็นผลิตผลชิ้นงามจากโรงเรียนลูกหนัง "ปีศาจแดง" เจเนอเรชั่นเดียวกับ เดวิด เบ็คแฮม, ไรอัน กิ๊กส์, นิคกี้ บัตต์ รวมถึงสองพี่น้อง แกรี่ กับ ฟิล เนวิลล์ ในช่วงกลางยุคไนน์ตี้ส์(90s)








     หนุ่มหัวแดงพูดน้อยผู้เกิดแถบ ซัลฟอร์ด เหมาสองลูกในเกมประเดิมสนามของตัวเองกับสโมสร โดยเป็นการเจอกับ พอร์ทเวล ใน ลีก คัพ เมื่อวันที่ 21 กันยายน ฤดูกาล 1994-95 ขณะที่ประตูแรกของ สโคลส์ ในเกมลีก เกิดขึ้นกับ อิปสวิช ทาวน์ ในปีเดียวกัน













     ฤดูกาลที่ฮอตสุดๆ ของ สโคลส์ ใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แน่นอนว่า คือฤดูกาล 1995-96 ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด คว้า "ดับเบิ้ลแชมป์" ได้ ซึ่งดาวเตะหัวแดงเพลิง เข้ามาเสียบแทนการหายไปของ เอริค คันโตน่า ที่โดนแบนห้ามเตะ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

     สโคลส์ จบฤดูกาลที่น่าจดจำดังกล่าว ด้วยการคว้ารองดาวซัลโวของสโมสร โดยทำไป 14 ประตู เป็นรอง คันโตน่า เพียงคนเดียวเท่านั้น









     "สโคลซี่ย์" ยังฉายฟอร์มสุดยอดในฤดูกาลที่ แมนฯ ยูไนเต็ด คว้า "ทริปเบิ้ลแชมป์" เมื่อปี 1999 แม้ว่า จะอดเล่นในนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เพราะติดโทษแบน

     ในฤดูกาล 2003 ที่ ปีศาจแดงกลายร่างเป็นเทพในพรีเมียร์ลีกนั้น 20 ประตูทองของ สโคลส์ ก็ถือว่า มีความสำคัญสุดยอดเช่นเดียวกัน "พูดน้อย แต่ต่อยหนัก" คือคุณสมบัติของดาวเตะผู้เป็นที่ใฝ่ฝันของกุนซือทุกคนบนโลกรายนี้ เพราะว่าการวางบอล และทำประตูของเขา สามารถทำได้จากทุกระยะของสนาม






     ในระดับทีมชาติ สตาร์รายนี้ รับใช้ทีมชาติอังกฤษไปทั้งหมด 66 วาระ ซัด 14 ประตู ก่อนจะประกาศขอเลิกเล่นหลังจบศึก ยูโร 2004 ที่ โปรตุเกส นับตั้งแต่นั้น สโคลส์ ก็หันมาทุ่มเทให้กับการรับใช้สโมสร แมนฯ ยูไนเต็ด แบบเต็มตัว แม้จะถูกจีบให้หวนคืนทีมชาติหลายครั้ง แต่ก็ส่ายหน้าตอบทุกครั้ง

     ปัญหาทางสายตาของ สโคลส์ ทำให้เขามีส่วนร่วมกับฤดูกาล 2005-06 เพียงน้อยนิด แต่ "สโคลซี่ย์" ก็รีเทิร์นกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2006-07










     ไฮไลต์ส่วนตัวคือการซัดเปิดแผล ลิเวอร์พูล ในชัยชนะ 2-0 เมื่อเดือนตุลาคม 2006 รวมถึงการวอลเล่ย์เต็มเหนี่ยวในเกมบุกถล่ม แอสตัน วิลล่า 3-0 ในอีก2เดือนถัดมา ซึ่งประตูนี้ถูกคัดเลือกให้เป็นประตูยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล จากการโหวตโดยแฟนๆ ของสโมสรด้วย


















     ผลงานที่ใช้เท้าพูดแทนปาก ส่งผลให้เพื่อนนักเตะ และนักข่าว เลือกให้ สโคลส์ เข้าป้ายอันดับ3สำหรับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมสมาคมนักฟุตบอลอาชีพหรือ พีเอฟเอ และอันดับ4สำหรับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของสมาคมนักข่าว ซึ่งทั้ง2รางวัล ตกเป็นของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ในปีนั้น










     สำหรับฤดูกาล 2007-08 "สโคลซี่ย์" มีโอกาสลบล้างความผิดหวังที่เคยพลาดนัดชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อเก้าปีก่อน หลังจากที่ตะบันประตูดับ บาร์เซโลน่า พร้อมกับส่ง "ปีศาจแดง" ทะยานสู่เข้าชิงชนะเลิศที่ มอสโก อย่างองอาจ และคว้าชัยชนะร่วมกับทีมเหนือ เชลซี ไปได้








     ในฤดูกาล 2008-09 สโคลส์ มีอายุ 34 ปีแล้ว นักเตะรุ่นเดียวในขณะนี้มีแค่ ไรอัน กิ๊กส์ เท่านั้น ซึ่งในฤดูกาลนี้สโคลส์ได้ลงเล่นไปทั้งสิ้น 35 นัด ทำได้ 3 ประตู

     ฤดูกาล 2009/10 ถึงแม้ซีซั่นนี้แมนฯยูไนเต็ด จะได้แค่แชมป์คาร์ลิ่ง คัพ และทำให้สโคลส์ลังเลที่จะเลิกเล่นเพราะอายุมากแล้ว แต่เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้ขอร้องให้เขาอยู่ช่วยทีมด้วยการต่อสัญญา สโคลส์ อีก1ปี และเขาก็ตอบตกลง

     ฤดูกาล 2010-11 สโคลส์มีส่วนช่วยปีศาจแดงคว้าแชมป์ลีกสูงสุด 19 สมัย ซึ่งเป็นฤดูกาลสุดท้ายของเส้นทางการค้าแข้งอาชีพตลอด 19 ปีของเขา หลังสิ้นเสียงนกหวีดจบศึกนัดชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก วันที่ 28 พฤษภาคม 2011 ซึ่งเป็นนัดอำลาสนามของ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ นายทวารทีมชาติฮอลแลนด์เพื่อนร่วมสโมสรและนั่นก็เป็นแมตช์สุดท้ายของ พอล สโคลส์ ด้วยเช่นกัน

     ถึงแม้ว่าแมนฯยูไนเต็ดจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้กับ "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า 1-3 แต่เหล่าพลพรรคนักเตะเจ้าบุญทุ่ม นำโดย อิเนียสต้า , ชาบี้, บุสเก็ตท์, เปโดร และโคตรแข้งอย่างเมสซี่ พากับปรี่เข้าหา พอล สโคลส์ มิดฟิลด์จอมเก๋าของปีศาจแดง เพื่อขอแลกเสื้อ เพราะเชื่อว่าอาจเป็นนัดสุดท้ายที่ได้เผชิญหน้ากับสุดยอดมิดฟิลด์หัวแดงเพลิงรายนี้และก็เป็นดั่งที่พวกเขาคิด สุดท้ายก็เป็น อันเดรส อิเนียสต้า ที่ได้เสื้อแมนฯยูตัวสุดท้ายของ สโคลส์ไปครอง






     วันที่ 31 พฤษภาคม 2011 อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษ ได้ออกมาประกาศอำลาวงการลูกหนังอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อย หลังค้าแข้งกับปีศาจแดงมายาวนานตั้งแต่ปี 1994 รวมแล้ว 19 ปี ลงสนามไปทั้งหมด 676 นัด แม้เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อยากให้ พอล สโคลส์ อยู่ต่ออีก 1 ปีก็ตาม

     กองกลางวัย 36 ปี เปิดใจถึงสาเหตุที่แขวนสตั๊ดว่า"ผมเป็นคนที่พูดน้อย แต่สามารถบอกได้ว่าการเล่นฟุตบอลคือชีวิตของผม การค้าแข้งได้ยาวนาน และ ประสบความสำเร็จ กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถือเป็นเกียรติสำหรับตัวผมมาก"

     "มันเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก แต่ผมรู้สึกว่าเวลานี้คือเวลาที่เหมาะที่จะบอกลา ผมขอขอบคุณแฟนบอลที่ให้การสนับสนุนตลอดอาชีพการค้าแข้งของผมมันวิเศษมาก ผมขอบคุณโค้ชและเพื่อนร่วมทีมตลอดหลายปีที่ผ่านมา และที่สำคัญที่สุด ผมขอขอบคุณ เซอร์ อเล็กซ์ เขาเป็นสุดยอดผู้จัดการทีม ตั้งแต่วันแรกที่ผมเข้ามาร่วมทีมจนถึงวันสุดท้าย" พอล สโคลส์ กล่าวทิ้งทายอย่างน่าประทับใจ








เกียรติประวัติส่วนตัว กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

พรีเมียร์ลีก 10 สมัย : 1995-96, 1996-97, 1998-99, 1999-2000, 2000-01, 2002-03, 2006-07, 2007-08, 2008-09, 2010-2011
เอฟเอคัพ 3 สมัย : 1995-96, 1998-99, 2003-04
ลีกคัพ 2 สมัย : 2008-09, 2009-10
คอมมิวนิตี้ ชิลด์ 5 สมัย : 1996, 1997, 2003, 2008, 2010
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2 สมัย : 1998-99, 2007-08
Intercontinental Cup 1 สมัย : 1999
ฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพ 1 สมัย : 2008

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์