ผีฉลอง19สมัย!โชว์สปิริตรัว4-2ส่งแบล็คพูลร่วง

ผีฉลอง19สมัย!โชว์สปิริตรัว4-2ส่งแบล็คพูลร่วง

"ปีศาจแดง" แมนฯยูไนเต็ด ปิดท้ายซีซั่นสุดหรู รัวแซงดับ แบล็คพูล 4-2 รับถ้วยแชมป์ ฉลองครองถ้วยลีกสูงสุดสมัยที่19 พร้อมกับส่ง แบล็คพูล ร่วงตกชั้นไปเล่นลีกแชมเปี้ยนชิพ ในฤดูกาลหน้าไปอย่างน่าสงสาร ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดปิดฤดูกาล เมื่อวันอาทิตย์ ที่ 22 พฤษภาคม ที่ผ่านมา



พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดปิดฤดูกาล
วันอาทิตย์ ที่ 22 พฤษภาคม 2554
แมนฯ ยูไนเต็ด 4-2 แบล็คพูล


สนาม : โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด 


         เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ปีศาจแดง แชมป์พรีเมียร์ลีก จัดทีมชุดแข็งที่มีแข้งระดับทีมชาติถึง 10 รายในการรับ แบล็คพูล นำโดยกัปตันทีม เอ๊ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ที่จะเล่นนัดสุดท้ายใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด, เนมานย่า วิดิช, ปาทริซ เอวร่า, นานี่ และ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ที่กำลังล่ารางวัลดาวซัลโว ขณะที่ ริโอ เฟอร์ดินานด์ กับ เวย์น รูนี่ย์ เป็นสำรอง ส่วนทีมเยือนที่ต้องชนะเพื่อหนีตาย ไม่เปลี่ยนทีมจากชุดที่ชนะ โบลตัน 4-3 ในนัดล่าสุด

         เปิดฉากแค่ 24 วินาที ทีมเยือนหวิดช็อกแชมป์เมื่อ พอล สโคลส์ เสียบอลในแดนกลาง โดนตัดได้ก่อนที่ ชาร์ลี อดัม จะควบขึ้นทางซ้ายแล้วตบเลยมาเสาสอง คีธ เซาเธิร์น สอดมาแปหลุดเสาสองอย่างเหลือเชื่อ

         แมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มตั้งตัวได้ และมีลุ้นในนาทีที่ 4 จากจังหวะที่ เบอร์บาตอฟ พาบอลเลาะเข้ากรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนเปิดโดนสกัดมาเข้าทาง ราฟาเอล ที่พักอกแล้ววอลเล่ย์หน้ากรอบเขตโทษเต็มแรง ทว่าตรงตัว แม็ตต์ จิลค์ส 

         อีกสามนาที ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ ชิพให้ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ดึงลงในกรอบเขตโทษแล้วล็อกหลบก่อนแปง่ายไม่ถึงสิบหลา แต่เบาเกินไปเลยไม่ผ่าน แม็ตต์ จิลค์ส และถูกเคลียร์ทิ้ง

         กระทั่งนาทีที่ 21 แฟนผีได้เฮกระหึ่มเมื่อ ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ วางจากกลางสนามออกทางซ้ายให้ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ดึงลงแล้วดีดอย่างเหมาะเหม็งต่อให้ พาร์ค ชี ซอง วิ่งเบียดเอาชนะกองหลังทีมเยือนแล้วงัดข้ามตัว แม็ตต์ จิลค์ส ตุงตาข่ายเด็ดขาดส่ง แมนฯ ยูไนเต็ด ทะยาน 1-0 

         นาทีที่ 31 ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ มีโอกาสพังประตูเมื่อ ราฟาเอล ตวัดจากขวามาตรงกลาง กองหลัง แบล็คพูล สกัดไม่ขาดเลยโดย ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ จิ้มเผาขน ทว่าก็ยังติด แม็ตต์ จิลค์ส 

         เกมผ่านมาถึงนาทีที่ 40 เนมานย่า วิดิช ไปเสียบ แกรี่ เทย์เลอร์ เฟล็ทเชอร์ หน้ากรอบเขตโทษราว 25 หลา ผู้ตัดสิน ไมค์ ดีน ให้ฟรีคิกทีมเยือนทันที และ ชาร์ลี อดัม อาสาปั่นทะลุกำแพงเสียบเช็ดเสาเข้าไปชนิดที่ เอ๊ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ หมดสิทธิ์ป้องกันทำให้สกอร์เท่ากันที่ 1-1 จนจบครึ่งแรก

         ครึ่งหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด เปลี่ยน ราฟาเอล ที่มีอาการบาดเจ็บออกแล้วส่ง คริส สมอลลิ่ง ลงมายืนแบ๊กขวาแทน และนาทีที่ 48 วิดิช ทำเสียฟรีคิกอีกเมื่อขวาง ดีเจ แคมป์เบลล์ ซึ่งจากฟรีคิกระยะหวังผลคราวนี้ อดัม คนเดิมตะบันเต็มๆ ทว่า ฟาน เดอร์ ซาร์ ปัดข้ามคานได้

         แบล็คพูล ลุยแหลก และพลิกสถานการณ์ขึ้นนำ 2-1 ในนาทีที่ 57 จากจังหวะที่ เจสัน พันเชี่ยน ประสานงานให้ เดวิด วอห์น ตวัดจากขวาให้ แกรี่ เทย์เลอร์ เฟล็ทเชอร์ สะกิดเช็ดเสาสองเข้าไปให้ เดอะ ซีไซเดอร์ส เฮกระหึ่มเพิ่มความหวังในการอยู่รอด 

         แต่เมื่อผ่านมาถึงนาทีที่ 62 สกอร์เท่ากันที่ 2-2 เริ่มจาก จอนนี่ อีแวนส์ ที่พาบอลขึ้นมาเองจากแดนหลัง ลูกมาเข้าทาง อันแดร์สัน ที่ออกไปทางซ้ายให้ พาร์ค ตบเรียดคืนกลับมาให้ อันแดร์สัน แปด้วยซ้ายไม่จับเข้าไปอย่างสวยงาม

         ไมเคิ่ล โอเว่น ถูกส่งลงมาแทน พาร์ค และ ปีศาจแดง น่าได้ประตูสุดๆ ในนาทีที่ 65 เมื่อ เอวร่า เปิดจากซ้ายให้ เบอร์บาตอฟ โหม่งเหน่งๆ แต่ จิลค์ส ซูเปอร์เซฟปัดได้ด้วยมือเดียว สโคลส์ ซ้ำอีก แต่ก็ติดบล็อก

         เกมแลกกันเต็มที่ แมนฯ ยูไนเต็ด บุกกดดันหนักจนออกนำ 3-2 ในนาทีที่ 74 เมื่อ สมอลลิ่ง เติมขึ้นมากระแทกบอลจากกราบขวา เอียน อีแว็ตต์ กองหลัง แบล็คพูล แหย่ขาสกัดผิดเหลี่ยมกลายเป็นการทำเข้าประตูตัวเอง

         แบล็คพูล ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเปิดเกมบุก เพราะสถานการณ์บีบ อีแว็ตต์ พยายามเติมขึ้นไปยิง แต่ ฟาน เดอร์ ซาร์ ผวามาขวางไว้ได้ทันท่วงที 

         แต่นาทีที่ 81 เป็นทาง ปีศาจแดง ที่ฉวยโอกาสความหละหลวมของแนวรับทีมเยือน กะซวกตาข่ายหนีเป็น 4-2 ได้ โดย โอเว่น สวมบทซูเปอร์ซับ สอดขึ้นไปหลุดเดี่ยวแล้วบรรจงยิงยัดเสาแรกเน้นๆ 

         จากนั้น เฟอร์กี้ ถอด วิดิช ไปเก็บแล้วส่ง รูนี่ย์ ลงสนามแทน พร้อมกับปรับหมากด้วยการให้ สมอลลิ่ง หุบเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ และ เฟล็ทเชอร์ ถอยลงมาเป็นแบ๊กขวา ก่อนรักษาสกอร์นำจนจบเกม ทำให้ ปีศาจแดง ชนะไปสุดมันส์ 4-2 คว้าแชมป์อย่างมีสไตล์ ส่วน เบอร์บาตอฟ ครองดาวซัลโวร่วมกับ คาร์ลอส เตเวซ ของ แมนฯ ซิตี้ ที่ทำไป 20 ลูกเท่ากัน

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
 แมนฯ ยูไนเต็ด :
เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์, ราฟาเอล ดา ซิลวา (คริส สมอลลิ่ง น.46), เนมานย่า วิดิช (เวย์น รูนี่ย์ น.84), โจนาธาน เอแวนส์, ปาทริซ เอวร่า, นานี่, อันแดร์สัน, พอล สโคลส์, ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์, พาร์ค ชี-ซอง (ไมเคิ่ล โอเว่น น.63), ดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟ
 สำรองไม่ใช้ : อันเดอร์ส ลินเดการ์ด, ริโอ เฟอร์ดินานด์, อันโตนิโอ วาเลนเซีย, ดาร์รอน กิ๊บสัน
 แบล็คพูล : แม็ทธิว กิลค์ส, นีล เอิร์ดลี่ย์, เอียน เอแว็ตต์, อเล็กซ์ แบปติสต์, สตีเฟ่น เครนี่ย์, คีธ เซาเธิร์น (เบร็ตต์ ออร์เมอร็อด น.86), เดวิด วอห์น, ชาร์ลี อดัม, แกรี่ เทย์เลอร์-เฟล็ทเชอร์ (แม็ตต์ ฟิลลิปส์ น.75), ดั๊ดลี่ย์ แคมป์เบลล์, เจสัน พันเชิ่น (ลุค วาร์นี่ย์ น.75)
 สำรองไม่ใช้ : ริชาร์ด คิงสัน, มาร์ลอน แฮร์วู้ด, เคร็ก แคธคาร์ท, เจมส์ บีทตี้
 ผู้ตัดสิน : ไมค์ ดีน

สรุปผลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
แอสตัน วิลล่า ชนะ ลิเวอร์พูล  1-0
โบลตัน แพ้ แมนฯ ซิตี้   0-2 
เอฟเวอร์ตัน ชนะ เชลซี  1-0
ฟูแล่ม เสมอ อาร์เซน่อล  2-2
แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ แบล็คพูล   4-2
นิวคาสเซิ่ล เสมอ เวสต์บรอมวิช 3-3
สโต๊ค ซิตี้ แพ้ วีแกน  0-1
สเปอร์ส ชนะ เบอร์มิงแฮม 2-1
เวสต์แฮม แพ้ ซันเดอร์แลนด์  0-3
วูล์ฟแฮมป์ตัน แพ้ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส  2-3

บทสรุปพรีเมียร์ลีกฤดูกาล2010-2011
แชมป์
- แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
รองแชมป์ - เชลซี
ไปเล่นยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก -
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด,เชลซี,แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ไปเล่นยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก รอบคัดเลือก - อาร์เซน่อล
ไปเล่นยูโรปาลีก - สเปอร์ส,สโต๊ค (รองแชมป์เอฟเอ คัพ),เบอร์มิงแฮม (แชมป์ลีกคัพ)
ตกชั้นไปเล่นลีกแชมเปี้ยนชิพ - เบอร์มิงแฮม,แบล็คพูล,เวสต์แฮม

ผีฉลอง19สมัย!โชว์สปิริตรัว4-2ส่งแบล็คพูลร่วง


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์