สิ่งเล็กๆที่เรียกว่า*น่อล*

สิ่งเล็กๆที่เรียกว่า*น่อล*




 


ปี 2010 ไม่ใช่ปีที่ประสบความสำเร็จของ อาร์เซน่อล ในแง่ของถ้วยรางวัล แถมยังเห็นปัญหาเดิมๆ ตั้งแต่ฤดูกาล 2009-10 สืบเนื่องมาถึงฤดูกาล 2010-11 ไม่ว่าจะเป็นการเน้นเกมรุกสวยงามเกินไปแต่ทำประตูไม่ได้ เกมรับผิดพลาดง่าย รวมถึงปัญหาในการเล่นเกมใหญ่ๆ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นปัญหาที่อยู่คู่กับรูปแบบและแท็กติกของ อาร์แซน เวนเกอร์ ตลอดช่วงหลายปีมานี้




แน่นอนว่าในปี 2010 เราเห็นนักเตะบางคนพัฒนาขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ขณะที่บางคน อนาคตที่เคยสดใสดูจะเริ่มมืดหม่นลง การได้ดูทีมทีมนี้พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังติดอยู่กับปัญหาเดิมๆ ถือเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้น และน่าผิดหวังในเวลาเดียวกัน อย่างไรก็ตาม นักเตะกลุ่มนี้ยังคงมีศักยภาพ ขึ้นอยู่กับว่าจะงัดออกมาได้มากน้อยแค่ไหน และต่อไปนี้คือสิ่งที่เราเรียนรู้ได้จากพลพรรค "ปืนใหญ่" ในรอบปีที่ผ่านมา


 



- แจ็ค วิลเชียร์ คืออนาคต
 


ช่วงที่ วิลเชียร์ ย้ายไปเล่นให้ โบลตัน วันเดอเรอร์ส ด้วยสัญญายืมตัว ถือเป็นก้าวกระโดดสำหรับชีวิตค้าแข้งในพรีเมียร์ลีกของเขา ถึงแม้จะมีรูปร่างเล็ก แต่มีความแข็งแกร่ง และทำได้ดีทั้งเกมรุกและรับ ห้องเครื่องวัย 19 ปี ค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นมา จนกลายเป็นส่วนสำคัญในทีมชุดใหญ่ของ อาร์แซน เวนเกอร์ เขาเรียนรู้ได้เร็ว มีพรสวรรค์โดยธรรมชาติ เป็นนักเตะประเภทที่กุนซืออย่าง เวนเกอร์ พร้อมจะปลุกปั้นให้กลายเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยมของ อาร์เซน่อล และเมื่ออนาคตของ เชส ฟาเบรกาส ยังคลุมเครือ (ไม่รู้ว่าจะย้ายกลับแคว้นกาตาลันเมื่อไร) มีแนวโน้มว่าการให้ วิลเชียร์ จับคู่กับ อารอน แรมซี่ย์ ดูจะเป็นตัวแทนที่สมบูรณ์แบบ


 



- ซามีร์ นาสรี่ คือหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก
 


ปีกจอมเทคนิคชาวฝรั่งเศส อาจจะยังไม่เคยคว้าแชมป์อะไรเลยนับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีม อาร์เซน่อล เมื่อปี 2008 แต่เขาสามารถคว้าชัยชนะให้กับทีมได้ในยามที่ทีมเล่นไม่ได้อย่างที่ต้องการ นาสรี่ ซัดไปแล้ว 12 ประตูรวมทุกรายการในฤดูกาลนี้ และแววของความเป็นนักเตะชั้นยอดเริ่มเปล่งประกายออกมาเรื่อยๆ เขามีการครองบอลที่ยอดเยี่ยม จ่ายบอลได้ดี พาบอลผ่านคู่แข่งไปได้ไม่ยาก และยังทำงานหนักเพื่อทีม การใช้เท้าที่คล่องแคล่วและรวดเร็วของเขาสามารถเปลี่ยนเกมได้ราวกับมีเวทมนตร์ ชวนให้นึกถึง ซีเนดีน ซีดาน ตำนานเพลเมกเกอร์เพื่อนร่วมชาติ


 



- ความสม่ำเสมอของ อาร์เซน่อล คือความไม่สม่ำเสมอ
 


ฤดูกาลนี้ยังคงเป็นฤดูกาลที่น่าผิดหวังสำหรับ อาร์เซน่อล เมื่อพวกเขายังไม่สามารถเพิ่มความสม่ำเสมอลงไปในผลงานของทีมได้ เห็นได้จากที่พวกเขาหักปากกาเซียนเอาชนะ เชลซี ไป 3-1 แต่อีก 2 วันต่อมา พวกเขาทำได้แค่เสมอกับ วีแกน แอธเลติก 2-2 ทั้งที่ควรจะเก็บ 3 คะแนนเต็มได้ไม่ยาก เพื่อขยับคะแนนขึ้นไปเท่ากับ 2 ทีมจากแมนเชสเตอร์ เช่นเดียวกับในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก บราก้า และ ชัคเตอร์ โดเนทค์ส โดน "เดอะ กันเนอร์ส" ยิงไปรวม 11 ประตูที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม แต่ อาร์เซน่อล ต้องเจอกับความพ่ายแพ้ทั้ง 2 นัดที่เป็นฝ่ายไปเยือน อาการสะดุดเช่นนี้ส่งผลเสียหายต่อพวกเขามาก เมื่อทำให้พวกเขาได้แค่อันดับ 2 ของกลุ่ม เอช และต้องไปเจอ บาร์เซโลน่า ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ถ้าพวกเขาไม่เร่งแก้ปัญหานี้ ฤดูกาลนี้มีสิทธิ์ไร้ถ้วยติดมือเช่นเคย


 



- อเล็กซ์ ซง ต้องตระหนักในหน้าที่มากกว่านี้
 


ซง มักสวมบทฮีโร่ทำประตูสำคัญให้ อาร์เซน่อล มาแล้วหลายครั้งในฤดูกาลนี้ รวมถึงประตูขึ้นนำ 1-0 ในเกมกับ เชลซี เมื่อจันทร์ที่ 27 ธ.ค. แต่นั่นไม่ช่วยปิดบังความจริงที่ว่า ซง เติมเกมรุกบ่อยเกินไป จนทำให้แผงหลังของทีมเจองานหนัก ในฐานะมิดฟิลด์ตัวรับ ซง ควรทำหน้าที่ปกป้องแบ็กโฟร์ให้ดีกว่าที่พวกเขาได้รับอยู่ตอนนี้ เซบาสเตียน สกิลลาชี่ และ โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ ต้องเจอเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากแฟนบอล แต่พวกเขาคงไม่ดูแย่ขนาดนี้ หากพวกเขาได้รับการคุ้มกันดีกว่านี้จากแผงมิดฟิลด์ โดยเฉพาะมิดฟิลด์ตัวรับซึ่งมีหน้าที่หลักในการตัดเกมของคู่แข่ง ความมุ่งมั่นในเกมรุกเป็นคุณสมบัติที่ดีสำหรับนักเตะ อาร์เซน่อล แต่ เวนเกอร์ ควรกระตุ้นให้มิดฟิลด์ของเขาสำนึกในเกมรับมากกว่านี้ ซง ต้องยืนเป็นยักษ์ปักหลั่นอยู่ในแผงมิดฟิลด์ ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงเจอปัญหาเกมรับรั่วง่ายต่อไป


 



- อาร์เซน่อล ยังอ่อนแอในการตั้งรับลูกตั้งเตะ
 


ประตูที่ อาร์เซน่อล เสียในฤดูกาลนี้ราวครึ่งหนึ่งมาจากลูกตั้งเตะ นั่นเป็นหนึ่งในสถิติที่สูงที่สุดของทีมในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ สำหรับทีมที่ต้องลุ้นแชมป์แล้ว บอกได้คำเดียวว่านั่นยังไม่ดีพอ สถิติแบบนี้เป็นตัวบ่งบอกว่าทัพ "ปืนใหญ่" ต้องเพิ่มความเอาใจใส่ในเกมรับมากขึ้นแค่ไหน นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของการเพิ่มความสูงเฉลี่ยของผู้เล่นเกมรับ แต่เป็นเรื่องของการหมั่นฝึกฝนตั้งรับลูกตั้งเตะซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกระทั่งมันฝังเป็นสัญชาตญาณของนักเตะ


 



- นิคลาส เบนท์เนอร์ ควรสงบปากสงบคำกว่านี้
 


ด้วยผลงานอันโดดเด่นของ มารูอาน ชามัคห์ ทำให้ ศูนย์หน้าร่างสูงเลือดโคนม กรุยเส้นทางขึ้นสู่ตำแหน่งตัวจริงได้ยากขึ้นในฤดูกาลนี้ ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าหนักเกินไปสำหรับกองหน้าอายุน้อยคนหนึ่งจนต้องออกมาป่าวประกาศความไม่พอใจผ่านสื่อว่า "ถ้าสถานการณ์ยังไม่เปลี่ยน ถ้าผมต้องนั่งเป็นตัวสำรองที่ อาร์เซน่อล ต่อไป ผมคงต้องย้าย นี่เป็นเรื่องง่ายๆ" เวนเกอร์ ตอบโต้คำพูดของ เบนท์เนอร์ ด้วยวิธีที่สุดเท่าที่จะทำได้ คือตัดชื่อเขาออกจากทีมในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก ไม่กี่วันต่อมา และ 1-2 เดือนจากนั้น หัวหอกวัย 22 ปี ดูจะถ่อมตัวมากขึ้น และสัญญาว่าเขาจะตั้งหน้าตั้งตาทำงานหนักต่อไป ประสบการณ์ครั้งนี้สอนให้ นิคลาส รู้ว่า พูดมากไม่ช่วยอะไร สู้ทำงานหนักต่อไป คงได้ดีสักวัน


 



- อาร์เซน่อล "ยังสามารถ" เอาชนะทีมใหญ่ได้
 


ก่อนเข้าสู่ช่วงคริสต์มาสต์ อาร์เซน่อล เจอมาแล้วทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เชลซี และเป็นฝ่ายแพ้ทั้ง 2 นัด ย้อนกลับไปเมื่อเดือน ต.ค. ประตูของ ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา และฟรีคิกสุดสวยของ อเล็กซ์ ทำให้ทัพ "ปืนใหญ่" พ่ายไป 2-0 ต่อมาพวกเขากลับออกมาจากสนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ด้วยความพ่ายแพ้ 1-0 ยิ่งเป็นการตอกย้ำความเชื่อว่า อาร์เซน่อล ไม่มีศักยภาพพอจะล้มทีมอย่าง "ปีศาจแดง" หรือ "สิงโตน้ำเงินคราม" ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ความเชื่อเปลี่ยนไปหลังจากผลลัพธ์ที่ เชลซี มาเยือนเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เมื่อวันจันทร์ที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมา แม้ เชลซี จะมีผลงานช่วงนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่ต้องยอมรับว่าพวกเขาเป็นของแสลงของ อาร์เซน่อล ตลอดหลายปีที่ผ่านมา การเอาชนะได้จึงช่วยลด "ความกลัว" เกมใหญ่ลงไปด้วย ความท้าทายต่อไปจึงอยู่ที่ บาร์เซโลน่า ในเดือน มี.ค.นี้


 



- ธีโอ วัลคอตต์ กำลังเดินหน้าไปด้วยดี
 


เคยมีบางคนวิพากษ์วิจารณ์ ธีโอ วัลคอตต์ ว่าเป็นนักฟุตบอลที่ไม่มีสมอง ต้องยอมรับว่าครั้งหนึ่งเขาเป็นผู้เล่นที่ "ไร้จินตนาการ" จริงๆ แต่ในฤดูกาลนี้ คุณจะเห็นนักเตะคนหนึ่งที่ปักหลักในพรีเมียร์ลีกได้แล้ว แน่นอนว่าความเร็วของเขาเป็นจุดขายมานานแล้ว แต่เขาได้เพิ่มความเด็ดขาดลงไปในเกมของเขามากขึ้น นั่นช่วยยกเขาขึ้นไปอีกระดับ แต่ก่อนเรามักจะเห็น ธีโอ ที่ไม่รู้จะจัดการกับบอลอย่างไร สุดท้ายก็ทำให้ทีมเสียการครองบอล การตัดสินใจที่ไม่เด็ดขาดและการขาดความคิดสร้างสรรค์ของเขา ทำให้เรามักเห็นเขาเลือกเปิดบอลอย่างริมเส้น (ที่ไม่ค่อยได้ผลนัก) ทั้งที่ควรจะยิง หรือทำอะไรที่สร้างประโยชน์กว่านั้น ฤดูกาลนี้เราเห็นการเปลี่ยนแปลงในตัวเขา เขากล้าลุยและกล้ายิงประตูมากขึ้น และช่วยวิ่งทำเกมรุกได้ดี ส่งให้เขาซัดไปแล้ว 9 ประตู แม้จะมีปัญหาบาดเจ็บรบกวนอยู่บ้าง สามารถพูดได้ว่า วัลคอตต์ เดินมาได้สวยแล้ว


 



- ขาด โธมัส แฟร์มาเล่น เกมรับ อาร์เซน่อล เหมือนขาดใจ
 


เกมรับของ อาร์เซน่อล ในช่วง 2-3 ฤดูกาลที่ผ่านมา ยังต้องการอะไรมาเติมเต็มอีกมาก ทั้ง สกิลลาชี่ และ กอสซิแอลนี่ ที่เพิ่งดึงตัวมาเมื่อซัมเมอร์ ยังไม่สามารถสร้างความประทับใจได้มากนัก สำหรับผลงานส่วนตัว พวกเขาไม่ได้มีอะไรเลวร้ายนัก อีกอย่างหนึ่งคือพวกเขาไม่มีเวลามากในการปรับตัวเข้ากับพรีเมียร์ลีก แต่พอพวกเขาจับคู่กันเมื่อไร เราจะเห็นคู่เซนเตอร์แบ็กที่เปราะบาง แตะเพียงนิดเดียวก็แตกเป็นเสี่ยงได้ ในช่วงที่ผ่านมา อาร์เซน่อล ขาดทั้งความแข็งแกร่ง และศักยภาพในการคุมแบ็กโฟร์ แฟร์มาเล่น เป็นกองหลังที่คุณลักษณะเหล่านี้ แต่อาการเจ็บเอ็นร้อยหวายทำให้เขาต้องพักมาตั้งแต่เดือน ส.ค. เขามีคิวจะกลับมาในเดือน ม.ค.นี้ แต่มีสิทธิ์ยืดเวลาพักออกไป หากมีอาการเจ็บซ้ำอีก สาวก "เดอะ กันเนอร์ส" คงทำอะไรไม่ได้มากนอกจากภาวนาให้เขากลับมาเร็วๆ การเสริมทัพของ เวนเกอร์ ในเดือน ม.ค.นี้ก็จะเป็นตัวบ่งชี้ได้อย่างหนึ่ง เพราะถ้ามีรายชื่อเซนเตอร์แบ็กขึ้นมาเมื่อไร เราคงได้คิดถึง "แฟร์มิเนเตอร์" กันอีกนาน


 



- มารูอาน ชามัคห์ อาจเป็นกองหน้าที่ อาร์เซน่อล รอคอยมานาน
 


ปฎิเสธไม่ได้ว่าการเสริมทัพที่ดีที่สุดของ อาร์เซน่อล ในซัมเมอร์ที่ผ่านมาก็คือ ชามัคห์ เขาย้ายมาจาก บอร์กโดซ์ แบบไม่มีค่าตัว และกลายเป็นขวัญใจของแฟนบอลอย่างรวดเร็ว เมื่อ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ และ นิคลาส เบนท์เนอร์ บาดเจ็บอยู่ในช่วงต้นฤดูกาล ชามัคห์ จึงยิ่งไม่มีเวลาปรับตัว ต้องก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์หน้าตัวหลักเร็วกว่าที่คิด และเขาดูจะถูกใจอยู่ไม่น้อยกับสถานการณ์ตอนนั้น และเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวังด้วย สภาพร่างกายที่ยอดเยี่ยม และสัญชาตญาณการจบสกอร์ที่เยี่ยมยอด ทำให้เขายืนเป็นศูนย์หน้าตัวเป้าของทีมได้อย่างมั่นใจ แต่เขาก็ยังลงมาเชื่อมเกมในแดนกลางด้วย ก่อนจะเติมเกมขึ้นไปและสร้างทางเลือกในเกมรุกได้ดี เขาเป็นนักฟุตบอลที่ฉลาด ทำประตูได้ดี (ทำประตูสูงสุดเป็นอันดับ 2 รองจาก ซามีร์ นาสรี่ ในฤดูกาลนี้) เขาเป็นนักเตะแบบที่สาวก "ปืนใหญ่" พร้อมอ้าแขนต้อนรับอย่างอบอุ่น

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์