อยากนำเสนอครับ

อยากนำเสนอครับ





อยากจะเขียนอีกมุมนึงที่ทุกๆ ท่านที่ไม่เคยทราบ จะได้รับรู้ว่าเด็กช่างกลคิดกันยังไงในสังคมช่างกล ลูกๆ หลานๆ ของใครหลายคนอาจเรียนอยู่จะได้รู้ว่าเด็กคิดอะไร ในวัยช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต มาเริ่มกันเลยดีกว่านะครับ

มูลเหตุของคนหนึ่งคนที่จบ ม.3 แล้วไปเรียนต่อ ป.ว.ช. สายช่างอุตสาหกรรม

1.อยากไว้ผมยาว ทรงแสกกลางสุดเท่ห์
2.อยากใส่กางเกงขายาว ผ้าเวสปอยส์ซีดหรือ ผ้ายีนส์ลายสองซีดๆ ถ้าเจ๋งจริงใส่กางเกงยีนส์
จะดีมาก + รองเท้า Convert สีขาวหุ้มข้อ
3.อยากใส่เสื้อ Shop และหัวเข็มขัดทองเหลืองของสถาบัน
4.อยากใส่เสื้อบล็อกสกีนรูปพระวิษณุ ของสถาบันนั้นๆ ซึ่งทำเองในหมู่เพื่อนฝูง
5.สนใจงานด้านช่างอุตสาหกรรม เช่น ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และก่อสร้าง
6.เรียนต่อมัธยมปลายไม่ไหว เพราะหัวไม่ไป
7.อยากเรียนเพราะเด็กมัธยมปลายและเด็กพาณิชย์ ชอบหนุ่มช่างกล
8.ได้ขึ้นรถเมล์ฟรี เพราะกระเป๋ารถเมล์ไม่กล้าเก็บ ยกเว้นรถร่วมบริการกะมินิบัสเขียว และสามารถสั่งคนขับรถเมล์จอดรถที่ไหนก็ได้เพื่อลงไปตีคู่อริด้านล่างเมื่อเรียบร้อยโดดขึ้นรถและออกเดินทางต่อ
9.ได้ที่นั่งทุกครั้งเมื่อขึ้นรถเมล์ ผู้โดยสารเบาะหลังจะลุกให้นั่งโดยอัตโนมัติ เมื่อโดนมองหน้า
10.พกอาวุธได้โดยไม่ต้องมีใบอนุญาต โดยเฉพาะแม่ค้าหน้าสถาบันจะเป็นคลังแสงให้

ขอถามต่อว่าทำไมน้องๆ ไม่เรียนสายพาณิชย์ ไม่เห็นต้องเรียนช่างกล อย่างเดียวเลย ขอตอบพี่ดังๆว่า เพราะตุ๊ดเยอะ ผมไม่ชอบเห็นแล้วอุบาศก์อยากกระโดดถีบนังตุ๊ดทั้งหลาย แต่สาวๆพาณิชย์มาชอบ โอเค...เลยครับพี่น้อง


ทรงผมยอดฮิตของเด็กช่างกล

ตอนเข้าเรียนใหม่ๆ ทุกคนที่พึ่งจบมัธยมต้นมา จะผมสั้นทรงนักเรียนพึ่งเริ่มยาว แต่อยากหล่อไปสั่งช่างให้ตัดรองทรง ผมชี้โด่ชี้เด่ แต่หล่อ เพื่อรอผมขึ้น รอเวลาให้ยาว ไว้ผมทรงหล่อที่สุดของช่างกล โดยเมื่อสิบกว่าปีก่อน ทรงผมยอดฮิตสุดคือ “ผมแสกกลาง หลังไถทรงบ๊อบ และเปิดข้าง” การเปิดข้างคือ การเอากิ๊บหนีบผมด้านนอกเหนือใบหู บางส่วนไว้ แล้วเอาแบตเตอร์เลี่ยนไถผมด้านในที่ไม่ได้โดนหนีบ พอไถเสร็จก็เอากิ๊บออก ด้านนอกก็จะยาวปิดลงมาเหมือนเดิม แต่ผมด้านในเกรียน พอตัดเสร็จจะภูมิใจว่า เท่ห์มากๆ ทรงนี้

เครื่องแบบชุดหล่อของเด็กช่างกล

ตอนเข้าปี 1 ทุกคนจะแต่งตัวเรียบร้อย เสื้อเชิ้ตขาวเรียบร้อยเหมือนเด็กมัธยมต้น โดยเสื้อไม่มีปักอะไรทั้งสิ้น ส่วนกางเกงผ้ามัน เป็นผ้าโทเลสีกรมท่า รองเท้าหนังผูกเชือกเรียบร้อย แต่พอเทอมสองของปีหนึ่งรัศมีของช่างกลจะต้องเปล่งประกาย เสื้อผ้าหน้าผมจะต้องเข้ากัน เริ่มต้นที่ไปเดินสวนจตุจักรเพื่อตามหาเสื้อเชิ้ตที่เด็กช่างจะเรียกกันว่า “เสื้อกระสอบ” ผ้าจะเนื้อหยาบๆ สีออกขาวขุ่นๆ โดยเมื่อได้เสื้อมาแล้ว ก็ถึงเวลามองหากางเกง โดยกางเกงจะไม่มีการซื้อจะต้องสั่งตัดเท่านั้น จะมีผ้าสองแบบที่นิยมคือ 1.ผ้าเวสปอย 2.ผ้ายีนส์ลายสอง โดยทรงกางเกงจะนิยมขาตรงบานนิดๆ ขากางเกงจะกว้าง 12 นิ้ว ถึงจะสวย โดยบางคนจะสั่งช่างเจาะกระเป๋าซ้อนตามขากางเกงเพื่อเก็บของ (อาวุธ) หรือถ้าเป็นกางเกงยืนส์จะเป็นแนวขาเดฟ หรือขาลีบ จะหล่อมาก ที่สำคัญถ้าใส่กับรองเท้า Convert All Start สีขาวหรือ สีดำ จะหล่อสุดๆ สาวรักสาวหลง

เสื้อ Shop คืออะไรเห็นพูดกันนักหนา?

คือเสื้อที่เอาไว้ใส่เวลาเข้าในระหว่างการฝึกปฎิบัติงาน หรือเรียกว่า Shop ตัวเสื้อจะมีกระเป๋าใส่อุปกรณ์ได้เยอะ โดยเสื้อ Shop จะมีอยู่ 2 แบบ คือ 1.แบบชายเสื้อปล่อยปิดก้น มีโลโก้ของแต่ละสถาบันปักที่อกด้านขวาของเสื้อ 2.แบบเอวจั๊มป์ ชายเสื้อถึงแนวเข็มขัด มีโลโก้ของแต่ละสถาบันปักที่อกด้านขวาของเสื้อ ทั้งนี้ทั้งนั้นอยู่ที่แต่ละสถาบันจะตัดออกมาจำหน่าย แต่ที่นิยมของชาวช่างกลคือ แบบที่ 2 แบบเอวจั๊มป์ เพราะเวลายกตัวเอี้ยวตัว หัวเข็มขัดทองเหลืองของสถาบัน จะโชว์ออกมาจะเทห์มากๆ ครับพี่น้อง ถ้าสถาบันไหนเป็นเอวปล่อยจะนิยมเอาไป แก้กันเป็นเอาจั๊มป์ โดยถ้าจะให้เสื้อ Shop ตัวนี้มีความน่าเกรงขามมากขึ้น จะต้องสกีนรูปองค์พระวิษณุ ด้านหลังของเสื้อ Shop พร้อมชื่อสถาบันซึ่งจะนั่งเขียนบล็อกสกีนกันเอง โดยปกติเด็กช่างจะนิยมนำเอาเสื้อ Shop มาใส่ทับเสื้อเชิ๊ตนักศึกษาสีขาวโดยเอาปกเสื้อเชิ้ตมาทับปกเสื้อ Shop อีกที จะหล่อมาก

“พ่อ”ของชาวช่างกลคือใคร

คือองค์พระวิษณุกรรมที่เป็นผู้สร้างโลกมนุษย์ ชาวช่างจึงนำพระวิษณุ มาเป็นสัญลักษณ์ โดยชาวช่างจะเรียกแบบให้การเคารพว่า “พ่อ” ซึ่งเรื่องของพ่อนี่ถือเป็นสิ่งศักดิ์ศรีที่เคารพนับถือของแต่ละสถาบันเลยทีเดียวที่เห็นเป็นตำนานน่าจะเป็น สองสถาบันที่รบกันตั้งแต่รุ่นพ่อมาถึงรุ่นหลาน คือ “ช่างกลปทุมวัน” และ “อุเทนถวาย” มูลเหตุของเรื่องบาดหมางเกิดจากการที่ องค์พระวิษณุ ปกติแล้วท่านจะมี 4 พระกร (แขน) โดย 4 พระกร จะถือ
ตรี,คทา,จักร และ สังข์ เมื่ออุเทนถวายซึ่งเปิดการสอนเป็นช่างก่อสร้างมีการสร้างรูปพ่อเป็นรูปเคารพขึ้น ปรากฏว่ารูปพ่อของอุเทนถวายมีพระกรถือ ลูกดิ่ง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของช่างก่อสร้าง โดยช่างกลปทุมวันถือว่า องค์พ่อของอุเทนถวายเป็นของปลอม จึงไม่ให้การเคารพนับถือ นี่จึงเป็นที่มาของศึกในตำนานของสอง
สถาบัน พออุเทนถวายมีการสร้างพ่อถูกลูกดิ่งสถาบันอื่นก็สร้างรูปพ่อถืออาวุธต่างๆ มากมาย เช่น ถือไม้ฉาก ถือฟันเฟือง เป็นต้น

อาวุธประจำกายของเด็กช่างกล

1.ปืนปากกา ซึ่งต้องสั่งทำ ใส่กระสุนได้ทีละนัด
2.อีดาบ เป็นเหล็กแบนๆ กว้าง 2 นิ้ว ยาวประมาณ 1 เมตร บางคนทำมาจากแหนบรถ
จะทำให้เหมือนดาบ โดยเจียร์ด้านนึงบางๆ ซึ่งจะคมมาก แล้วห่อกระดาษหนังสือพิมพ์ไว้ การพกพาจะสอดในกางเกงแนบไปตามขากางเกงโดยสอดไว้ในช่องที่สั่งช่างเจาะกระเป๋าซ่อนไว้ เวลาเดินจะขากระเพรงๆข้างนึง เวลาใช้งานคู่อริจะกลัวกันเพราะฟันทีเห็นกระดูกเลย
3.ปืนหรือช่างกลจะเรียกว่า “ตัว” ห่อกระดาษหนังสือพิมพ์เอาไว้เอาซ่อนให้มิดชิด เผื่อตำรวจเรียกค้น ปกติจะซ่อนกันตามพุ่มไม้ หรือร้านแม่ค้า
4.เข็มขัดพร้อมหัวเข็มขัดเอาออกจากเอวม้วนรอไว้ โดยเอาไว้ใช้เหวี้ยงฟาดคู่อริจากระยะไกล เช่น ต่อสู้บนรถเมล์
5.รองเท้าหนังหัวเหล็กเอาไว้เตะหรือกระโดดถีบจากบนรถเมล์



ผลพลอยได้จากผู้แพ้เมื่อมีการตีกันและคู่อริยอมแพ้

ต้องยึดเครื่องหมายสถาบันของผู้แพ้ เอาไว้เป็นที่ระลึก เด็กช่างจะนิยมเรียกกันว่า “ตบ” เช่น การตบหัวเข็มขัด, การตบเสื้อ Shop, การตบเข็มกลัดโลโก้ของสถาบัน นอกจากนี้ทุกสถาบันมีการส่งนักศึกษาไปเรียน
รด. (นักศึกษาวิชาทหาร) ด้วย จึงทำให้ต้องไปเจอคู่อริต่างสถาบันในชุด รด. จึงลามไปถึงการ ตบอาร์ม (ป้ายโลโก้ปักเป็นรูปโลโก้สถาบันติดแขนชุดทหาร) ซึ่งช่างกลทุกคนจะรู้ดี จะพยายามหลีกเลี่ยงการเดินคนเดียวเพื่อป้องกันการโดนตบในรูปแบบต่างๆ หรือใส่ชุดนอก (ชุดอยู่บ้าน)ไปเลย


การแบ่งกลุ่มเพื่อเดินทางกลับบ้าน

ช่างกลจะนิยมเดินทางกลับบ้านด้วยรถเมล์ โดยเมื่อแรกเข้าจะไม่รู้ใครเป็นใคร เรียนอยู่ปีไหนสาขาอะไร แต่เห็นหน้าคนนี้อ๋อเรียนที่เดียวกัน โดยกลับเส้นทางเดียวกันประจำ เมื่อเกิดเรื่องจะออกรบด้วยกันและสนิทกันนั่นเอง จึงเป็นที่มาของคำว่า G ซึ่งย่อมาจาก แก๊ง หลายๆ คนอาจจะเห็นเขียนตามเบาะหลังรถเมล์ หรือ พ่นตามกำแพงว่า G 72ก , G 6 ก็แปลว่า แก๊งรถเมล์สาย 72ก ,
แก๊งรถเมล์สาย 6 เป็นต้น


จะรู้ได้ยังไงว่าคนนี้เป็นช่างกลเมื่อใส่ชุดไปรเวท

จริงๆ ถ้าคนเรียนช่างด้วยกันจะมองออก โดยมองจากลักษณะการเดินและเสื้อผ้าหน้าผม แต่เราในฐานะประชาชนธรรมดาอาจจะแยกแยะไม่ออกระหว่างเด็กราม กับเด็กช่างกล
ก็แนะวีธีดูง่าย ส่วนมากเด็กช่างจะชอบใส่เสื้อลายสก๊อตแขนยาวโดยพับแขนเสื้อมาถึงข้อศอก ส่วนกางเกงยีนส์จะเป็นทรงเดฟ หรือทรงขาลีบ เอาชายเสื้อออกนอกกางเกง โดยเสื้อ Shop จะม้วนเป็นโรลและเสียบไว้ที่กระเป๋าหลังของกางเกงยีนส์ และเอาชายเสื้อมาปิดไม่ให้เห็นเสื้อ Shop


เด็กช่างกลการเดินห้างทำยังไงให้เดินได้อย่างปลอดภัย

ส่วนมากเด็กช่างจะใส่ชุดนอก (ชุดไปรเวท) เวลาไปไหนมาไหน แต่บางครั้งก็หลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ต้องใส่เสื้อขาวกางเกงขายาวสีกรมท่าไป จะทำยังไง

สถานที่ๆจะเดินทางไป MBK หรือมาบุญครอง ทุกคนน่าจะทราบ MBK เป็นพื้นที่ยึดครองของอุเทนถวาย การที่ท่านจะเข้าไปใช้สถานที่ของเค้า ต้องให้เกียรติเจ้าถิ่น โดยเสื้อขาวจะต้องเอาเสื้อออกนอกกางเกงห้ามโชว์หัวเข็มขัดของสถาบัน หรือถอดหัวเข็มขัดเอาไปเก็บไว้ เหลือแต่สายหนัง นอกจากนี้ห้ามเดินโยกกวนประสาท ท่านจะปลอดภัยในการเดินเที่ยว แต่ถ้าท่านละเมิดกฎจะมี
คนเดินมาเตือน โดยถ้าไม่เชื่อท่านก็จะโดนเล่น (โดนกระทีบ) ตรงนั้นเลยครับ


เด็กเทคนิคกับเด็กเทคโน ต่างกันยังไง

เด็กเทคนิคคือการเรียกเด็กที่เรียนระดับ ปวช. ส่วนเด็กเทคโนจะเรียกเด็กที่เรียน
ระดับ ปวส. ถ้าสถาบันไหนเปิดการเรียนการสอนถึงระดับ ปวส. ก็จะใช้คำว่า
เทคโนโลยีอยู่ในชื่อของสถาบันนั้นๆ

เจ้าของบทความ : คุณชิกุวะ

******************************************





คาดว่าจดหมายเปิดผนึกฉบับนี้คงจะมีเด็กช่างกลมีบุญได้อ่านแล้วฉุกคิดน้อยเหลือเกิน ส่วนคนที่ได้อ่านก็จะเป็นคนที่เอือมระอากับสงครามกลางเมืองย่อยๆที่พวกน้องๆก่อขึ้นมา ไม่ได้อ่านก็ไม่เป็นไร อยากเขียนซะอย่าง


พี่ก็อยากจะถามว่ามันสนุกไหมครับ ไอ้ที่ไปไล่ตีกันน่ะ สนุกไหมครับที่ต้องหลบๆซ่อนๆเพราะกระสุนนัดเดียวที่เหนี่ยวไกปืนออกไปน่ะ


บทเรียนที่พี่ๆ รุ่นก่อนฝากไว้ก่อนเดินคอตกเข้าคุกหมดอนาคตชนิดถาวรและเรื้อรัง ต้องมีชีวิตอยู่ในโลกสิ้นเปลืองออกซิเจนและทรัพยากรธรรมชาติไปวันๆนี่ยังไม่ทำให้สำนึกใช่หรือเปล่าครับ


จริงๆพี่ว่าน้องเอาปัญญาที่ไปแสวงหาปืนเอาไปแสวงหาเงินและความเจริญให้ชีวิตไม่ดีกว่าหรือ เพราะเมื่อเหนี่ยวไกออกไปแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นน้องอาจจะคิดไม่ถึงแต่พี่จะร่ายให้อ่านกันว่ามีอะไรบ้าง


สำหรับคนที่ถูกยิง
1. ตาย
2. หรือคางเหลือง พอหายดีก็หาทางแก้แค้นอีก


สำหรับครอบครัวของคนที่ถูกยิง
1. สูญเสียความหวังของบ้าน
2. ครอบครัวแตกสลาย
3. และอาจจะเก็บความแค้นเอาไว้ชำระกับน้องเมื่อสบโอกาส


สำหรับผู้ก่อเหตุ
1. ไม่สามารถอยู่อย่างเป็นปกติสุขได้อีกต่อไป
2. เครียดหนักเพราะโดนล่า
3. ต้องฆ่าตัวตาย
4. ติดคุกหรืออาจจะโดนประหารชีวิต
5. หมดอนาคตอย่างถาวร
6. ตกนรกทั้งเป็น กลายสภาพจากปุถุชนเป็นเดนนรก


สำหรับครอบครัวของผู้ก่อเหตุ
1. สูญเสียความหวังของบ้าน
2. ครอบครัวแตกสลาย
3. เครียดหนักจากความกดดันของสังคมและทางการ
4. อาจจะโดนชำระแค้นเข้าสักวัน เพราะดันไปเป็นครอบครัวเดียวกับผู้ก่อเหตุ


สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจและรัฐ
1. ต้องใช้กำลังพลและงบประมาณของประเทศในการจับตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี
2. เปลืองเอกสาร เปลืองต้นไม้ โลกร้อน


สำหรับสถานศึกษา
1. เพื่อนร่วมสถาบันตกอยู่ในอันตรายครั้งใหม่
2. ครูบาอาจารย์ต้องเดือนร้อนไปทั่ว บางท่านอาจจะต้องลาออก


คนในสังคม
1. หวาดผวากับการมีอยู่ของพวกน้องๆ
2. ต้องมีชีวิตอยู่อย่างหวาดระแวง


เห็นไหมครับหาข้อดีไม่ได้สักข้อก็ยังจะทำกันอีก ศักดิ์ศรีเอาไปประกันตัวไม่ได้นะครับมันไม่มีมูลค่ากับคนอื่น และเมื่อทำลงไปแล้วพี่ก็เห็นศักดิ์ศรีของน้องวิ่งหนีไปทุกที พอไม่มีศักดิ์ศรีคอยประคองคอแล้ว น้องๆถึงได้คอตกไงครับ


ส่วนตัวพี่นั้นเมื่อสิบกว่าปีก่อนเคยอยู่ในเหตุการณ์เด็กช่างกลปะทะกัน โดยใช้หินปากันขึ้นมาบนรถเมล์ ส่วนไอ้พวกที่อยู่ข้างบนก็ชักดาบซามูไรยาวโง้งออกมาหมายจะกุดหัวศัตรู ใจพี่งี้หล่นไปอยู่ตรงตาตุ่ม เพราะดาบแกว่งผ่านหน้าไปไม่ถึงช่วงแขน ใจก็นึกว่านี่กรูมาอยู่ในสงครามกลางเมืองได้ไงหว่า


หลังจากนั้นเป็นต้นมาพอเห็นเด็กช่างกลรวมตัวกันขึ้นรถเมล์มากๆก็จะเลี่ยงครับ ลดความเสี่ยงให้น้อยที่สุด ยิ่งสมัยนี้ปืนหรือระเบิดหาซื้อง่ายกว่าขนมก็ต้องหลีกหนีให้ไกลระยะทำการให้มากที่สุด พี่ไม่กลัวตายหรอกครับ แต่กลัวจะตายไปพร้อมกับน้องๆมากกว่า


สุดท้ายนะครับ อะไรก็ตามที่หาข้อดีไม่ได้แล้วยังจะทำกันต่อไปอีก อย่างนี้เขาเรียกว่า.......


แหล่งที่มา




 มืดมา...สว่างไป


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์