เรื่องของแมว

เรื่องของแมวเหมียว

เรื่องของแมว

คนทั้งโลกต่างพากันยกย่องสรรเสริญ สุนัข ว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่ดีกันไปต่าง ๆ นานา ซึ่งเมื่อนำมาเปรียบกับแมวแล้ว ความดีของสุนัขยิ่งมีมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็เหยียบย่ำแมวจนเสียแมวด้วยซ้ำไป หาว่าแมวเป็นสัตว์เลี้ยงไม่เชื่อง สอนไม่จำ ขโมยอาหาร ฯลฯ แต่แท้ที่จริงแมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารัก สามารถเลี้ยงให้เชื่อง สามารถฝึกหัดอะไรต่าง ๆ ได้ไม่แพ้สุนัข เพียงแต่อยู่ที่อารมณ์ของมันในขณะนั้นว่าจะรับหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ผู้เลี้ยงแมวควรได้ทราบถึงพฤติกรรมดังต่อไปนี้ไว้บ้าง ซึ่งอาจจะทำให้คุณเข้าใจในตัวแมวได้ดีขึ้น  


          วัชรอำพล  อำพลจันทร์ : 2531 ได้กล่าวไว้ในคอลัมน์ ภาษาแมว ในวารสาร Veterinary News ถึงการสื่อความหมายของแมวในรูปสัญญาณหรือสัญลักษณ์ต่าง ๆ โดยมีจุดมุ่งหมายบอกถึงอารมณ์และอาณาเขตของตนเอง เช่น การแสดงออกทางใบหน้า หนวด หู กิริยาท่าทางต่าง ๆ การทำเสียงขู่ ร้อง ตลอดจนการส่งสัญญาณโดยการใช้กลิ่น ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ถ้าศุกษาพฤติกรรมของมันอย่างละเอียดแล้วจะสามารถรู้ได้ว่า ในเวลานี้แมวต้องการอะไร มันอารมณ์ดีไหม เพื่อจะได้เอาใจมันได้อย่างถูกต้อง


 


          การแสดงออกของใบหน้า


         


หู เป็นจุดที่ไวมาก หูจะถูกยกยื่นไปข้างหลัง เป็นการเตือนที่จะจู่โจมศัตรู ในกรณีที่หูโค้งกลับและถูกดึงให้ต่ำลงข้าง ๆ เป็นสัญญาณของการป้องกันตัวและพร้อมที่จะต่อสู้


 


          หนวด ให้ดูจากตำแหน่งการกระจายตัวของหนวด ถ้าหนวดแผ่ออก แมวกำลังเครียดหรือสนใจอะไรบางอย่าง แต่ถ้าหนวดดูลาดและรวบไปไว้ข้างแก้ม แมวจะอยู่ในอารมณ์ที่สงวนท่าทีหรืออาย และถ้าหนวดไปอยู่ด้านหลังเป็นพุ่ม แสดงถึงความสงบหรือสบายใจ


 


          ลูกตาดำ ม่านตาที่หดเล็กลงจะแสดงถึงความตึงเครียดหรือสนใจอะไรอย่างใดอย่างหนึ่งอย่างมาก ในกรณีที่ม่านตาเปิดกว้าง แสดงถึงความประหลาดใจ กลัว หรือเตรียมพร้อมป้องกันตัว


 


          การหาว ไม่ใช่การติดต่อของเชื้อโรคหรือแสดงอาการง่วงนอนที่เกิดกับมนุษย์  แต่มันเป็นสัญญาณที่แสดงถึงความแน่ใจ การแสดงออกแบบนี้เหมือนกับมันจะพูดว่า ฉันรู้สึกสบายดีนะ และคุณคงเป็นอย่างฉันด้วย


 


          กิริยาท่าทางที่แสดงออก


         


หัว เมื่อแมว 2 ตัว ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย และได้เผชิญหน้ากันจะติดต่อทำความรู้จักกัน โดยการยืดหัวที่ตั้งตรงไปข้างหน้า และเมื่อตัวใดตัวหนึ่งรู้สึกว่าเด่นจะเชิดหัวสูงขึ้นไปอีก ส่วนตัวที่รู้สึกว่าด้อยกว่าจะก้มหัวต่ำลง


 


          ลำตัว ถ้าลำตัวยืดตรง แสดงถึงความมั่นใจและพร้อมที่จะจู่โจมศัตรู ในกรณีที่ลำตัวโค้งงอ หรือหลังโก่ง แสดงถึงอาการหวาดกลัว และพร้อมที่จะจู่โจมได้ทันที


 


          หาง หางเป็นเครื่องบ่งบอกอารมณ์ของแมวได้เป็นอย่างดี ถ้าหางนั้นเคลื่อนและสะบัดจากทางหนึ่งไปอีกทางหนึ่ง แสดงถึงมีความตื่นเต้นมาก ๆ เมื่อแมวต้องการความเป็นมิตรหรือยินดีต้อนรับแมวตัวอื่น แมวจะยกหางขึ้น และจะเข้าไปดมก้นของอีกตัวหนึ่ง แต่ถ้ามันสะบัดหางขึ้นอย่างรวดเร็ว แสดงถึงการขู่ และพร้อมที่จะจู่โจม


 


          ขน เมื่อแมวอยู่ในภาวะกำลังกลัว ขนจะตั้งชันทั้งตัว ในกรณีที่ขู่หรือเตรียมที่จะตะปบเหยื่อ ขนจะตั้งขึ้นเพียงเล็กน้อยตามส่วนที่ยื่นออกมาจากลำตัวและหาง


 


          การส่งเสียงต่าง ๆ


           


เสียงร้องเหมียวเหมียว เป็นเสียงที่รู้จักกันดี อาจเกิดขึ้นจากการที่ลูกแมวถูกปล่อยทิ้งไว้ตามลำพัง หรือไม่มีความสุข ลูกแมวจะเปล่งเสียงนี้เมื่อหลุดออกจากลังหรือกำลังหนาว ถ้าแม่แมวมารบกวนในขณะที่หลับ เป็นสัญญาณความไม่พอใจ ขาดการเอาใจใส่ดูแล และรวมไปถึงการเรียกคู่ของทั้ง 2 เพศ


 


การทำเสียงแหลม เมื่อแมวตกอยู่ในสภาพเครียดมาก ๆ มันจะแสดงความโกรธ โดยการร้องเสียงแหลม ซึ่งเสียงนี้เรียกว่า เสียงเพื่อป้องกันตัว จะแสดงออกมาถี่ ๆ นอกจากนี้เสียงร้องที่สูงและต่ำเป็นการแสดงถึงการจับคู่กันด้วย


 


การคำราม จะเกิดขึ้นโดยการยกมุมปาก การคำรามอย่างเต็มกำลังซ้ำ ๆ กัน แสดงถึงความจริงจัง แมวใหญ่จะแสดงอาการนี้มากเป็นพิเศษ


 


การทำเสียงคลัก เป็นการทำเสียงในระดับสูง แสดงถึงมิตรภาพ ยินดีจะเป็นเพื่อนด้วย และอาจจะมีการร้องเหมียวเบา ๆ อาจหมายถึงการสนทนาอย่างเป็นกันเอง


 


การส่งสัญญาณโดยการใช้กลิ่น การส่งสัญญาณประเภทนี้จะเกิดผลได้ดีเมื่อแมว 2 ตัวได้สัมผัสกันทั้งโดยทางตรงและโดยทางอ้อม ต่อมกลิ่นที่อยู่ในผิวหนังบริเวณแก้ม คาง เท้า และโคนหาง จะทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนออกมาก โดยเฉพาะในแมวตัวเมียนั้นจะผลิตฮอร์โมนติดต่อกันเป็นวัฏจักร


การถูกสัมผัสกันกับแมวตัวอื่น โดยใช้หัว คาง สีข้าง แก้ม ตลอดจนการใช้ลำตัวไปถูใต้คางของอีกตัวหนึ่ง เป็นการสื่อสารแบบหนึ่งด้วย


            ในแมวตัวผู้มีการปล่อยกลิ่น เพื่อแสดงอาณาเขตของมันเอง โดยมันจะยกหางขึ้นและแกว่งไปมา พร้อมทั้งปล่อยของเหลวที่มีกลิ่นออกจากต่อมใต้โคนหาง แมวอาจะปล่อยกลิ่นไว้ตามกำแพง กิ่ง และพุ่มไม้ หรืออาณาเขตของมันโดยทั่วไป กลิ่นจะคงอยู่ประมาณ 2 สัปดาห์ หรือมากกว่านี้เล็กน้อย และในไม่ช้าก็จะจางไป แต่ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศด้วย


          หลังจากการต่อสู้ ผู้ชนะจะปล่อยกลิ่นหลายครั้งในบริเวณนั้น นอกจากจะแสดงว่าเป็นอาณาเขตของมันแล้ว ยังแสดงถึงความมั่นใจและความแข็งแรงของมันอีกด้วย ฝ่ายที่แพ้ไปนั้นก็จะปล่อยกลิ่นเหล่านี้ในภายหลัง โดยจะระมัดระวังไม่ให้ฝ่ายชนะเห็น


 


ที่มา : www.missbowkie.com 

ถ้าซ้ำก็ขออภัยนะครับ


เรื่องของแมว


เรื่องของแมว


เรื่องของแมว


เรื่องของแมว


เรื่องของแมว


เรื่องของแมว


เรื่องของแมว


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์