แนะนำหนังเกี่ยวกับฟุตบอล

Victory (1981)


Posted Image





ภาพยนตร์เรื่องนี้นอก สหรัฐอเมริกา ใช้ชื่อเรื่อง "Escape to Victory" และเมื่อลงโรงฉายในประเทศไทยมีชื่อว่า "เตะแหลกแล้วแหกค่าย" เมื่อ พ.ศ.2524

โดยเค้าโครงเรื่องดัดแปลงมาจาก "Two half-times in Hell" หนังของ ฮังการีเมื่อปี 1962


หนังสร้างจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับทีม ดินาโม เคียฟ ในสงครามโลก ครั้งที่ 2

กับการแข่งขันที่เรียกว่า "นัดแห่งความตาย" ซึ่งขณะนั้น นาซี ยึดครอง รัสเซีย และจัดการแข่งขันโดยสั่งให้ เคียฟยอมแพ้ทีมของเยอรมนี

ทว่า เคียฟ เลือกที่จะสู้อย่างเต็มที่ จนชนะ 5-3 และ 8-0


ในการแข่งซ้ำสัปดาห์ถัดมา ซึ่งหลังเกมนัดแข่งใหม่ นักฟุตบอลของ ดินาโม เคียฟ ถูกส่งตัวเข้าค่ายกักกันและทรมาน.. จนเสียชีวิตเกือบทั้งทีม !!

ภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้นักฟุตบอลอาชีพจริงๆ เล่นถึง 17 คน โดยมี 4 คน ที่ได้เหรียญรางวัลจากฟุตบอลโลก ได้แก่

บ็อบบี มัวร์ (อังกฤษ, แชมป์โลก 1966),

เปเล (บราซิล, แชมป์โลก 1958, 1962, 1970),

ออสวัลโด อาร์ดิเลส (อาร์เจนตินา แชมป์โลก 1978)

และ คาซิมีร์ซ เดย์นา (โปแลนด์ อันดับ 3 ฟุตบอลโลก 1974)

ส่วน "ซูเปอร์สตาร์" ในโลกภาพยนตร์ที่ร่วมแสดงด้วยคือ ไมเคิล เคน และ ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน





------------------------------------------------------------------------------------------------



Fever Pitch (1997)


Posted Image





หนังสือของ นิค ฮอร์นบี ที่กล่าวถึง พอล อาจารย์สอนภาษาอังกฤษ วัย 30 เศษที่คลั่งไคล้ อาร์เซนอล

จนทำให้เป็นเด็กไม่รู้จักโต ส่งผลถึงความสัมพันธ์กับสาวคนรัก

กินใจแฟนบอลโดยเฉพาะผู้ชายที่เหมือนกับเห็นชีวิตของตัวเอง ก่อนจะค่อยๆ โตขึ้นไปทีละหน้าของหนังสือ

จนได้รับการถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดขณะฉายในอังกฤษ


ต่อมา "ฮอลลีวู้ด" ไปดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ชื่อเดียวกันนี้ แต่เปลี่ยนทีมฟุตบอลอาร์เซนอลเป็นทีมเบสบอล บอสตัน เรดซอกซ์

และนำแสดงโดย จิมมี ฟอลลอน กับ ดรูว์ แบร์รีมอร์

ทว่า โคลิน เฟิร์ธ ที่รับบท พอล ในหนังต้นฉบับและยังไม่ใช่ "ซูเปอร์สตาร์" ในขณะนั้น

ใครจะรู้ว่าต่อมาเขาจะได้รับ "ออสการ์" ในฐานะนักแสดงนำชาย จากภาพยนตร์เรื่อง The King's Speech




------------------------------------------------------------------------------------------------



Shaolin Soccer (2001)



Posted Image





โจว ซิง ฉือ ดาราตลกของ ฮ่องกง ทำหน้าที่ทั้งกำกับ ร่วมเขียนบท และแสดงเป็นตัวนำเรื่อง "นักเตะเสี้ยวลิ้มยี่"

ด้วยการใช้ศิลปะป้องกันตัวแบบภายนตร์กำลังภายในของ จีนและใช้ วัดเส้าหลิน เป็นตัวแทนฝ่ายธรรมะ

แม้จะยังคงเป็นภาพยนตร์ตลกเจ็บตัวตามแบบฉบับของโจว ซิง ฉือ ทว่าการนำลูกบ้าทั้งการเล่าเรื่อง ภาพที่จงใจถ่ายออกมาให้เป็นเหมือนหนังเกรดบี

จึงเหมือนนำสไตล์ของ เฉินหลง มาบวกเข้ากับเค้าโครงเรื่องของ เควนติน ตารันติโน ขวัญใจคอหนังเกรดบี แต่กลับน่าหลงใหลและสนุกเป็นอย่างมาก

โดยเฉพาะท่วงท่าการต่อสู้บนสนามฟุตบอลที่แม้จะไม่เข้าใกล้ฟุตบอลโนโลกของความเป็นจริง แต่กลับเป็นภาพยนตร์ฟุตบอลที่ทั้ง เอเชีย และ ฝรั่ง

พูดถึงมากที่สุดเรื่องหนึ่งในสังคมออนไลน์




------------------------------------------------------------------------------------------------



Offside (2006)



Posted Image





ภาพยนตร์ในชื่อภาษาไทยว่า "ผู้หญิงก็มีหัวใจ" เป็นภาพยนตร์ของ อิหร่าน ที่ว่าด้วยเรื่องสิทธิสตรีและการเมือง โดยใช้ "ฟุตบอล" เป็นตัวเดินเรื่อง


เมื่อกลุ่มเด็กหญิงในอิหร่านต้องการเข้าไปชม ฟุตบอลโลก 2006 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย รอบแบ่งกลุ่ม 10 ทีมสุดท้ายกับ บาห์เรน ซึ่งเป็นนัดสำคัญ

หาก อิหร่าน ชนะ ก็จะมีแต้มขาดลอยได้ไปเล่นรอบสุดท้ายทันที

ทว่าในอิหร่านมีข้อห้ามไม่ให้ผู้หญิงเข้าสนามกีฬา ดังนั้นเด็กหญิงและสาวรุ่นทั้งหลายจึงต้องหาทางลักลอบเข้าไป บ้างทำได้ บ้างโดนจับ

โดยหนังจะเน้นไปยังกลุ่มที่โดนจับได้เป็นหลัก

แม้จะหยิบประเด็นที่จริงจังมาเล่นแต่กลับทำได้สนุก จนได้รับรางวัลจากหลายสถาบันที่นำฉายทั่วโลก




------------------------------------------------------------------------------------------------



Once in a Lifetime

: The Extraordinary Story of the New York Cosmos (2006)




Posted Image





เรื่องราวของ นิวยอร์ก คอสมอส นับได้ว่าเป็นตำนานฟุตบอลของ สหรัฐอมริกาขนานแท้

เพราะ "เดอะ คอสมอส" เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานที่จะนำฟุตบอลเป็นกีฬาของคนอเมริกัน ในทศวรรษ 70 และก็เกือบจะทำสำเร็จ

โดยเฉพาะในช่วงที่มีนักฟุตบอลระดับแชมป์โลกมาอยู่ด้วยมากมาย อาทิ เปเล, คาร์ลอส อัลแบร์โต หรือ ฟรานซ์ เบ็คเคนเบาเออร์

แต่ละสัปดาห์เรียกผู้เข้าชมไม่ต่ำกว่า 75,000 คน


แต่เมื่อขึ้นสู่จุดสูงสุดก็ตกลงต่ำได้เช่นกัน

คอสมอส เข้าไปพัวพันทั้งเรื่องการเมือง หนี้สิน และปัญหาขัดแย้งภายใน จนเรียกได้ว่าพวกเขาไม่เคยเฉียดใกล้ความสำเร็จเหล่านั้นอีกเลยในยุคสมัยนี้


สารคดีฟุตบอลเรื่องนี้พิถีพิถัน แม้กระทั่งเพลงที่ใช้ประกอบ การตัดต่อ การเล่าเรื่องและใช้ "ฟุตเทจ" มากกว่าภาพยนตร์ "ฮอลลีวู้ด" หลายเรื่องด้วยซ้ำ

บางที พอล คราวเดอร์ กับ จอห์น โดเวอร์ สองผู้กำกับ อาจจะมีความทะเยอทะยานไม่แพ้ คอสมอส เลยก็ว่าได้




------------------------------------------------------------------------------------------------




Zidane: A 21st Century Portrait (2006)



Posted Image





เคยมีคนกล่าวว่าหาก ซีเนอดีน ซีดาน เลือกถือสัญชาติ สกอตแลนด์ หรือ แอลจีเรีย ตามบรรพบุรุษ เขาอาจไม่ได้กลายเป็น "ซิซู" เหมือนทุกวันนี้

แต่ไม่ว่าอย่างไร ซีดาน ได้ถูกยกย่องให้เป็นนักฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลกลูกหนังยุคใหม่ และสารคดีฟุตบอลเรื่องนี้

ก็ได้ใช้กล้องบันทึกติดตามทุกการเคลื่อนไหวในฤดูกาลแข่งขันสุดท้ายของเขากับ รีล มาดริด เมื่อปี 2005


ภาพยนตร์สารคดีชุดนี้ใช้เทคนิคหนังระทึกขวัญเข้าช่วยทำให้ทุกอิริยาบถของซีดานเหมือนกับจะหลอกหลอนคู่ต่อสู้และผู้ชมไปในตัว

และอาจเป็นภาพยนตร์สารคดีที่ใช้กล้องมากที่สุดนับตั้งแต่มีการสร้างสารคดีฟุตบอลก็ว่าได้ อีกทั้งเทคนิคมุมกล้อง การวางจังหวะลำดับภาพ รวมถึง

การใส่เพลงประกอบ ราวกับจะบอกว่า ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะเกิดมาเพื่อเป็นตำนาน หรือแรงบันดาลใจให้ใคร





------------------------------------------------------------------------------------------------



Looking for Eric (2009)



Posted Image





เอริก คันโตนา เป็นนักฟุตบอล ฝรั่งเศส ที่มีอารมณ์เหมือนศิลปิน รุนแรงเหมือนพายุ ทั้งอารมณ์และการเล่น

แฟนบอลเรียกเขาว่า "เลอ รัว" (Le Roi) หรือราชา

ในภาพยนตร์เรื่องนี้ "ก็องโต้" เล่นเป็นตัวเอง ที่เป็นแรงดลใจให้กับ เอริก บิช็อป

บุรุษไปรษณีย์ที่มีครอบครัวสับสนอลหม่าน และลูกเลี้ยงที่เกเร




------------------------------------------------------------------------------------------------



The Damned United (2009)


Posted Image





ภาพยนตร์ในชื่อภาษาไทยว่า "โค้ชยูงทองแข้งบันลือโลก" นำเสนอเรื่องของ ไบรอัน คลัฟ หนึ่งในตำนานผู้จัดการทีมฟุตบอลใน อังกฤษ

โดยหนังเรื่องนี้ไม่ได้เลือกสร้างชีวิตในการคุมทีม นอตติงแฮม ฟอเรสต์ ช่วงที่ประสบความสำเร็จสูงสุด แต่นำเสนอเมื่อครั้งที่ คลัฟ ไปคุมทีม

ลีดส์ ยูไนเต็ด แชมป์ดิวิชั่น 1 (1973-1974) ต่อจาก ดอน เรวี ที่เลื่อนชั้นไปคุมทีมชาติอังกฤษ

ทว่า คลัฟ คุมทีมได้เพียง 44 วัน ก็โดนอัปเปหิออกจากถิ่น เอลแลน โรด

ซึ่งหนังเรื่องนี้ได้แฉที่มาที่ไปและถูกเก็บเป็นความลับมาเกือบ 4 ทศวรรษ!!




------------------------------------------------------------------------------------------------



credit :
http://maddogmax.wor...B8%84%E0%B9%81/

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์