วันอังคารที่ 20 กันยายน 2554
สนาม : เอลแลนด์ โร้ด 
ลีดส์ ยูไนเต็ด 0 : 3 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ประตู : 0-1 โอเว่น น.15, 0-2 โอเว่น น.32, 0-3 กิ๊กส์ น.45+1
ศึกสงครามกุหลาบบังเกิดขึ้นอีกครั้ง โดยแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดยกพลบุกมาเยือนสนาม เอลแลนด์ โร้ด ของทางลีดส์ ยูไนเต็ด
เกมนี้ "ปีศาจแดง" เปลี่ยนแปลงผู้เล่นยกชุด ไล่ตั้งแต่กองหลังยันกองหน้าที่มีเบอร์บาตอฟ, โอเว่นและมาเคด้าอยู่
ครึ่งแรก
ยูงทองเสียดายโคตร
เริ่มเกมมาแค่ 5 นาที ลีดส์ก็เกือบที่จะได้ประตูขึ้นนำไปแบบรวดเร็ว เมื่อพวกเขาได้ลูกเตะมุม ก่อนที่จะโยนเข้ากลางได้โหม่งเต็มๆจังหวะแรกติดบล็อก ซ้ำดาบสองก็ติดบล็อกอีก ได้ยิงอีกครั้งก็ยังติดผู้เล่นของแมนฯยูไนเต็ดที่ช่วยกันบังก่อนที่จะเคลียร์ทิ้งออกไป
เกมมันงึกๆงักๆ
ผ่านช่วง 10 กว่านาทีแรกไปนั้น เกมของทั้งสองทีมยังไม่ค่อยเข้ารูปเข้ารอยสักเท่าไร แมนฯยูไนเต็ดแม้ดูจะได้ครองบอลมากกว่า แต่เกมก็ยังไม่ได้มีความน่ากลัวอะไรนัก ส่วนลีดส์นั้นเน้นเกมรับแล้วรอสวนกลับ ซึ่งก็ยังกดดันกองหลังของทีมเยือนไม่ได้ นอกจากเตะมุมที่ได้ลุ้นเสียวกันไป 
นาทีที่ 14 แมนฯยูไนเต็ดมาได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจนได้ จากจังหวะที่กองหลังของลีดส์ยืนประกบตัวพลาด ทำให้ปาร์คหลุดขึ้นไปทางแบ็คขวา ก่อนจะไหลเข้ากลางให้กับโอเว่นที่แจ่งจังหวะหนึง ก่อนที่จะยิงด้วยซ้ายทันที บอลไหลขลุกๆผ่านบล็อกของกองหลัง แม้ว่าบอลจะดูแป้กๆและไม่ค่อยแรง แต่ทิศทางเฉียบคมไหลชนเสาเข้าประตูไป แมนฯยูไนเต็ดชิงนำไป 1-0
ยูงทองดีขึ้นแต่ไม่สุด
เกมของลีดส์ดีขึ้นกว่าในช่วงแรกมาพอสมควร เพราะได้ครองบอล ต่อบอลทำเกมตามที่ต้องการ เพียงแต่จังหวะที่จะผ่านเข้าไปในพื้นที่สุดท้ายนั้นยังคงต้องปรับอยู่สักหน่อย หากหวังลุ้นตีเสมอ
ฟาบิโอ ... เพื่ออะไร?
นาทีที่ 24 ไม่รู้ว่าในหัวคิดอะไรอยู่สำหรับฟาบิโอ เพราะอยู่ดีๆก็ไปเข้าช้า แถมหนักใส่ผู้เล่นของลีดส์ทั้งที่ไม่จำเป็น ก็เลยถูกจดชื่อไปตั้งแต่เนิ่นๆ น่าจะทำให้ตัวเองเล่นยากขึ้นในช่วงเวลาที่เหลือ
สน็อดกราสยิงได้ลุ้นน่าดู
อีก 4 นาทีต่อมา จังหวะสวนกลับของลีดส์ในช็อตนี้ถือว่าทำกันได้ดีเลยทีเดียว ต่อบอลกันขึ้นมาจากแดนกลาง ก่อนที่จะไปจบที่สน็อดกราสซึ่งหมุนตัวหลบผู้เล่นของแมนฯยูไนเต็ด ก่อนที่จะจัดการปั่นไซด์จากนอกกรอบเขตโทษเลย แต่บอลเหินไปนิด ทำให้หลุดข้ามคานออกไป
กิโก้คิดช้าทำช้า
นาทีที่ 31 มาเคด้าปล่อยโอกาสสวยๆให้หลุดลอยไปหน้าตาเฉย จากจังหวะที่เขาหลุดทะลุเข้าไปในกรอบเขตโทษได้แล้ว แต่จังหวะที่ควรจะยิงหรือเปิดให้เพื่อนตรงกลางก็ดันไปแตะเข้ามุมให้มันแคบกว่าเดิม สุดท้ายช้าเกินไปโดนบล็อกเอาไว้ได้
มาเพื่อยิง!เบบี้โกล์ซัดเต็มข้อ
อีกเพียง 1 นาทีต่อมา โอเว่นที่วันนี้ไม่ค่อยได้มีส่วนร่วมกับเกมเท่าไร ก็มายิงประตูที่ 2 ให้กับทีมและตัวเขาเอง จากจังหวะที่ดิยุฟได้บอลทางริมเส้น แล้วเปิดตัดเข้ากลางให้โอเว่นที่แตะก่อนหนึ่งจังหวะแล้วตะบันเต็มเท้าขวาทันที บอลพุ่งแหวกอากาศผ่านมือของผู้รักษาประตูเข้าไปกระแทกตาข่ายเต็มๆ แมนฯยูไนเต็ดทิ้งห่าง 2-0
โอเว่นทำสวยแต่รถด่วนยิงออกเฉย
นาทีที่ 36 แมนฯยูไนเต็ดน่าที่จะได้ประตูนำห่าง 3-0 แล้วแท้ๆ จากจังหวะต่อบอลกันสวย ก่อนที่โอเว่นจะหลุดเข้าในเขตโทษ ล็อกหลบกองหลังหนึ่งจังหวะแล้วจ่ายเข้าในให้กับวาเลนเซียที่เติมขึ้นมาได้ยิงจากระยะไม่ถึง 12 หลา แต่เหมือนจังหวะมันช้าไปนิด บอลเลยโดนไม่เต็ม พุ่งออกหลังไป
ตี๋ปาร์คโชว์ดริฟท์
นาทีที่ 44 ไม่รู้ว่าเห็นเกมเฉื่อยๆหรือยังไงสำหรับปาร์ค พี่แกก็เลยจัดการโซโล่เดี่ยวตั้งแต่กลางสนาม หลบผู้เล่นของลีดส์ที่พยายามจะเสียบเตะให้อยู่ แต่ก็ยังฝืนต่อไปได้ 2-3 คน ก่อนที่จะไปดริฟท์อยู่หน้าประตูหัวเกือบคะมำ เพราะมีกองหลังเข้าไปแท็คเกิ้ล
ลืมแก่!ขนดกยิงกลบเสียงโห่
ช่วงทดเวลานาทีแรก ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะอายุ 37 สำหรับกิ๊กส์ จากจังหวะเตะมุมที่เล่นสั้นให้กับปาร์ค แล้วได้รับบอลคืนมา ก่อนที่จะชิงแตะลอดดากของกองหลังลีดส์ แล้วควบไปเอาบอลในกรอบเขตโทษ จากนั้นก็จัดการดีดด้วยซ้ายบอลแฉลบหน้าขาของผู้เล่นลีดส์เสยแสกหน้าผู้รักษาประตูเข้าไป เจ้าตัววิ่งดีใจเอามือป้องหูเหมือนกับจะบอลแฟนลีดส์ว่า "โห่อีกสิจ๊ะ" พร้อมกับสกอร์ทิ้งห่าง 3-0 ก่อนที่จะจบครึ่งแรกลงไป
ครึ่งหลัง
พอเห็นสกอร์นำห่างแล้ว เซอร์ อเล็กซ์ก็เปลี่ยนเอากิ๊กส์ออกไปพักและส่งพ็อกบาลงไปเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตรงกลางแทน
เสียวซี๊ด!เบบี้โกล์ปั่นหลุดเสานิดเดียว
จังหวะสวนกลับของแมนฯยูไนเต็ดในนาทีที่ 55 น่าจะแปรเปลี่ยนเป็นแฮทริกของโอเว่นเสียจัง เมื่อเขารับบอลมาจากเบอร์บาตอฟ หลุดเข้าในกรอบเขตโทษ ก่อนที่จะล็อกเข้าขวา แล้วจัดการปั่บอลโค้งไปเสาสอง ผ่านผู้รักษาประตูไปได้แล้ว แต่ก็หลุดกรอบออกไปนิดเดียวเท่านั้น 
เข้าสู่ช่วงหนึ่งชั่วโมงเต็มของเกม ตอนนี้ทางลีดส์เองใช่ว่าจะอยู่เฉย พยายามเร่งเกมของพวกเขามากขึ้นกว่าเดิม แต่ถึงอย่างนั้นปัญหาเดิมๆก็ยังอยู่สำหรับพื้นที่สุดท้ายที่พวกเขายังไม่สามารถฝ่าเข้าไปลุ้นยิงประตูแบบจังๆได้
โก๋แดนคัมแบ็คแล้ว
นาทีที่ 70 เป็นเกมเรื่อยๆมาเรียงๆไม่ได้มีจังหวะอะไรมาก จนแมนฯยูไนเต็ดส่งตัวเวลเบ็คลงสนาม หลังจากเจ้าตัวเพิ่งหายเจ็บกลับมา โดยถอดเอาดิยุฟออกไป
ความแน่นอนค่อนข้างต่างกัน
เกมนี้ต้องวัดกันที่คุณภาพของนักเตะด้วยเลยที่เห็นได้ชัดว่ามีความแตกต่างกันอยู่พอสมควร โดยเฉพาะเรื่องของความแน่นอนในการรับส่ง จ่ายบอลและสื่อสารกัน ซึ่งทำให้ลีดส์พลาดไปในหลายๆจังหวะที่พวกเขาจะทำเกมบุก
ผียังเล่นเกมเรื่อยๆ
เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย เกมของแมนฯยูไนเต็ดตอนนี้ไม่ได้เร่งอะไรมากมาย แต่จะเน้นไปที่ความแน่นอนมากกว่า โดยเฉพาะแนวรับที่ดูเหมือนจะถูกสั่งการมาเลยว่าต้องพยายามอย่าเสียประตู
ผีส่งดาวรุ่งลงอีกตัว
นาทีที่ 78 แมนฯยูไนเต็ดใช้โควต้าเปลี่ยนตัวคนที่สามด้วยการส่งโคลดาวรุ่งวัย 18 ปีลงไปเล่นแทนมาเคด้าที่ครึ่งหลังหายเงียบไปเลย
พี่เบิร์นยืนเซ็นเตอร์!
นาทีที่ 82 เนื่องจากฟรายเออร์มีอาการบาดเข็บที่น่องขวา ทางเซอร์ อเล็กซ์จึงจำเป็นต้องถอดเขาออกและกับการที่หมดโควต้าในการเปลี่ยนตัวสำรองแล้ว จึงสั่งให้เบอร์บาตอฟที่เป็นศูนย์หน้าลงไปยืนเซ็นเตอร์หน้าตาเฉย ดูแล้วแปลกตาสุดๆเลยกับการจับคู่กับคาร์ริคในเกมนี้
ช่วงท้ายเกมนูนเยซของทางลีดส์มีโอกาสที่ได้หลุดเข้าไปแต่งบอลแล้วซัดในกรอบเขตโทษ แต่โดนกองหลังของแมนฯยูไนเต็ดบีบเข้ามา เลยยิงหลุดออกข้างไป จบ 90 นาทีเป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่เอาชนะลีดส์ไปได้ 3-0 ผ่านเข้ารอบ 4 ไป
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ลีดส์ ยูไนเต็ด : แอนดี้ โลเนร์แดน, ทอม ลีส, เลจ บรอมบี้, ไอแดน ไวท์, ดาร์เรน โอ’เดีย 
, อดัม เคลย์ตัน, โจนาธาน ฮอว์สัน, ลูเชียโน่ เบ็คคิโอ้(ฟอร์สเซลล์ น.52), รอส แม็คคอร์แมค(นูนเยซ น.66), โรเบิร์ต สน็อดกราส , แอนดรูว์ โคจ์(เวย์รี่เน่น น.52)
สำรองที่ไม่ได้ใช้ : พอล ราชุบก้า, อันดรูว์ โอไบรอัน, ชาร์ลี เทย์เลอร์, ไมเคิ่ล บราวน์
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : เบน เอมอส, อีเซเกียล ฟรายเออร์ส, ฟาบิโอ ดา ซิลวา , อันโตนิโอ วาเลนเซีย, ปาร์ค จี ซอง, ไรอัน กิ๊กส์
(พ็อกบา น.46), ไมเคิ่ล คาร์ริค, มาเม บิราม ดิยุฟ (พ็อกบา น.70), เฟเดริโก้ มาเคด้า(โคล น.77), ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ, ไมเคิ่ล โอเว่น
สำรองที่ไม่ได้ใช้ : ดาบิด เด เกอา, ไมเคิ่ล คีน, รีช บราวน์, ทอม โธร์ป 
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
