วันอังคารที่ 6 กันยายน 2554
สนาม : เวมบลีย์ สเตเดี๊ยม
อังกฤษ 1 : 0 เวลส์
ประตู : 1-0 แอชลี่ย์ ยัง น.35
แน่นอนเลยว่าเกมนี้อังกฤษต้องหวัง 3 คะแนนแบบเน้นๆเพราะได้เล่นในบ้านของตัวเอง ในขณะที่ขวัญและกำลังใจมาเต็มเปี่ยม เพราะเพิ่งจะคว้า 3 มาจากบัลแกเรียได้เมื่อเกมที่แล้ว
เกมนี้อังกฤษเรียกใช้งานของแลมพาร์ดในตำแหน่งมิดฟิลด์อีกครั้งหนึ่่ง หลังจากเมื่อเกมที่แล้วถูกดร็อปไปเป็นตัวสำรองเท่านั้น
เวลส์เองก็คึกคักไม่แพ้กัน เพราะเพิ่งจะคว้าชัยชนะเกมแรกของรอบแบ่งกลุ่มมาได้
ครึ่งแรก
มังกรไฟมาอย่างคึก
ในช่วงต้นเกมนี้กลายเป็นว่าทีมเยือนค่อนข้างจะเล่นกันได้อย่างคึกคักน่าดู ได้โอกาสลองส่องไปแล้วจากวิลเลี่ยมส์ แต่ยังไม่เข้าเป้า ดูแล้วอังกฤษคงต้องปรับเกมกันหน่อย เพราะถ้ายังเล่นแบบนี้ต่อไปเหมือนสปีดบอลจะช้าไปนิด 
สิงโตยังติดขัด
เข้าสู่ช่วง 15 นาทีแรก อังกฤษเจ้าบ้านยังคงไม่สามารถเล่นเกมได้ตามถนัด การจ่ายบอลดูจะไม่ลื้นไหล ผิดกับทางเวลส์ที่ครองบอล ต่อบอลกันได้เป็นจังหวะจะโคนมากกว่า
เจ้าบ้านเริ่มทำได้ดีขึ้น
เกมผ่านเข้าสู่นาทีที่ 25 ตอนนี้ระดับเกมของทีมชาติอังกฤษถือว่าขยับทำได้ดีขึ้นกว่าในช่วงที่ผ่านมา โดยส่วนมากบอลมักจะขึ้นทางฝั่งซ้ายที่มียังประจำการอยู่ เพียงแต่จังหวะที่จะลุยเข้าไปในพื้นที่สุดท้ายนั้นยังไม่ดีเท่าที่ควร
ดาวนิ่งลอยตัววอลเล่ย์
อีก 3 นาทีต่อมา จากการตะลุยเข้าไปจนเกือบถึงสุดเส้นหลังของยังทางฝั่งซ้าย แล้วตักบอลเข้ากลางเลยไปเสาสองถึงดาวนิ่งที่วิ่งเข้ามาลอยตัววอลเล่ย์จังหวะแรกทันที แต่โดนเหลี่ยมไม่ดีเหินข้ามคานไปไกล
สลับกัน!ดาวนิ่งเปิด-พี่หนุ่มยิงเฮ
นาทีที่ 35 การประสานงานของปีกทั้งสองข้างของทีมชาติอังกฤษนำมาซึ่งประตูแรกของเกม จากจังหวะที่ดาวนิ่งลากบอลขึ้นไปทางฝั่งขวา ก่อนที่จะสปัดหนีกองหลังวิ่งไปเปิดบอลเข้าเสาแรก เป็นยังที่เข้ามาจุดนัดพบเอี้ยวตัวยิงด้วยขวาผ่านมือของเฮนเนสซี่เข้าไปตุงตาข่าย "สิงโตคำราม" แม้เกมจะไม่ดีสักเท่าไร แต่ก็ออกนำไปก่อนแล้ว 1-0
ช่วงเวลาที่เหลือไม่ได้มีจังหวะอะไรให้ได้ลุ้นกันหนัก ทำให้ผู้ตัดสินเป่าจบ 45 นาทีแรก เป็นอังกฤษที่ออกนำไปก่อน 1-0 รอลุ้นกันต่อในครึ่งหลัง
ครึ่งหลัง
สิงโตคึกเลย
ลงมานาทีแรกของครึ่งหลัง อังกฤษก็เปิดฉากบุกใส่เวลส์เลยทันที โดยชุดนี้บุกกดดันได้พอสมควร แต่จังหวะลุ้นยิงนั้นยังไม่ผ่านมือของเฮนเนสซี่ที่ปัดเอาไว้ได้
มังกรไฟพลาดกันง่าย
ผ่านช่วง 10 นาทีแรกของครึ่งหลัง เวลส์คงต้องปรับเกมขึ้นมาบ้างหน่อยแล้ว เพราะว่าพวกเขามักจะส่งบอลกันผิดพลาดในแดนกลาง แม้ว่าจะได้บอลมาครองแต่เล่นกันแค่ 2-3 จังหวะก็เสียกลับไปให้อังกฤษอีก
สิงโตกดดันต่อเนื่อง
นาทีที่ 64 อังกฤษยังคงเล่นกันได้ดี ต่อบอลทำเกมรุกบุกใส่เวลส์แบบไม่หยุดและพาบอลไปถึงหน้าประตูอยู่หลายครั้ง เพียงแต่โอกาสและจังหวะยิงยังไม่เข้าเป้า โดยเฉพาะลูกยิงบริเวณเส้นกรอบเขตโทษของแลมพาร์ด ที่ได้ยิงเน้นๆแล้วแต่บอลหลุดข้ามคานไป 
ไอ้หมูชิพไปไหน
นาทีที่ 71 รูนี่ย์เล่นเอาแฟนบอลงงไปเลย เมื่อได้บอลหน้ากรอบเขตโทษ ยึกยักใส่กองหลังของเวลส์อยู่สองจังหวะแล้วก็จัดการยิงแบบชิพๆทันที แต่บอลพุ่งออกหลังห่างจากประตูหลายเมตร ไม่ใกล้เคียงเลยสักนิด
สิงโตเปลี่ยนแลมพ์ออก
อีก 2 นาทีต่อมา อังกฤษก็เปลี่ยนเอาแลมพาร์ดออกไปพักที่ข้างสนาม แล้วส่งปาร์คเกอร์ลงไปเล่นในแดนกลางแทน
สิงโตชักจะตื้อ
เล่นไปเล่นมาทำประตูเพิ่มไม่ได้อังกฤษก็เลยดูเหมือนว่าจะตื้อไปดื้อๆ บุกได้น้อยลงกว่าในช่วงต้นครึ่งหลัง ทำให้ตอนนี้เวลส์ขยับเกมของพวกเขาขึ้นมาได้พอสมควรแล้ว
สิงโตห้อยพระดี!เอิร์นชอว์ยิงโล่งๆออกเฉย
นาทีที่ 76 สปีดถึงกับทำหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว เมื่อได้เห็นจังหวะที่เอิร์นชอว์ตามซ้ำดาบสองจากการเล่นลูกเซ็ตพีซหน้าประตู ระยะห่างไม่ถึง 5 หลา แถมฮาร์ทก็หลุดตำแหน่งไปแล้วด้วย แต่เอิร์นชอว์ก็แปบอลข้ามคานไปไกลลิบ ไม่รู้ว่าพลาดได้ยังไงสำหรับจังหวะนี้
ฮาร์ทโชว์จังหวะเซฟสุดแจ่ม
นาทีที่ 80 แม้ว่าจะเป็นจังหวะล้ำหน้าไปแล้ว แต่ฮาร์ทก็แสดงช็อตเซฟยอดเยี่ยมให้แฟนบอลได้เห็น เมื่อเขาพุ่งตัวออกมาบล็อกลูกยิงจ่อๆของกันเทอร์ด้วยการปัดมือเดียว จนเคฮิลล์และเทอร์รี่ต้องเดินเข้าไปชมเลยทีเดียว
สิงโตเกมแผ่วโหด
ช่วงท้ายเกมนี้เห็นได้ชัดเลยว่าเกมของอังกฤษแผ่วลงไปอย่างชัดเจน แทบจะบุกไม่ขึ้นเอาแต่ตั้งรับกันเท่านั้น ดูแล้วแบบนี้ถ้าพลาดขึ้นมาโดนเวลส์ตีเสมอคงโดนวิจารณ์ไม่น้อย
จบ 90 นาทีทีมชาติอังกฤษเฉือนเอาชนะเวลส์ไปแบบหืดจับสุดๆ 1-0 แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาขยับเข้าใกล้จุดหมายปลายทางในการไปเล่นรอบสุดท้ายของยูโร 2012 มากขึ้น
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
อังกฤษ : โจ ฮาร์ท,แอชลี่ย์ โคล,จอห์น เทอร์รี่,แกรี่ เคฮิลล์,คริส สมอลลิ่ง,แกเร็ธ แบร์รี่,แฟรงค์ แลมพาร์ด(ปาร์คเกอร์ น.73),สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง(จอห์นสัน น.79),เจมส์ มิลเนอร์
,แอชลี่ย์ ยัง,เวย์น รูนี่ย์(แคร์โรลล์ น.89)
สำรอง : เดวิด สต็อคเดล,ฟีล จาเกียลก้า,โจเลี่ยน เลสค็อตต์,เจอร์เมน เดโฟ
เวลส์ : เวย์น เฮนเนสซี่ย์,แอชลี่ย์ วิลเลี่ยมส์,แกเร็ธ เบล,คริส กันเทอร์,นีล เทย์เลอร์,แอนดรูว ครอฟท์ส,โจ เล็ดลี่ย์,ดาร์ซี่ เบล็ค,แอร่อน แรมซี่ย์,แจ็ค คอลลิสัน(คิง น.85),สตีฟ มอริสัน(เอิร์นชอว์ น.68)
สำรอง : โบซ มายฮิลล์,เจมส์ คอลลินส์,แดนนี่ คอลลินส์,โจ อัลเลน,ฮาล ร็อบสัน-คานู 
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
