10 ที่สุด...

10 อันดับภาพ National Geographic 2550



อันดับ 1 ปลาหมึกยักษ์ถูกจับได้ที่แอตแลนติก

เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2550 เรือประมงนิวซีแลนด์จับปลาหมึกยักษ์ได้ที่ทะเลรอส ในมหาสมุทรแอตแลนติก มันมีน้ำหนักถึง 450 กิโลกรัม ดวงตาใหญ่กว่าจานข้าว ลูกเรือต้องใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงถึงจะจับมันได้ จากนั้นลูกเรือนำซากปลาหมึกไปแช่แข็งและนำส่งให้นักว ิทยาศาสตร์ที่อ็อกแลนด์ ยูนิเวอร์ซิตี้ไปศึกษา และถ้านำปลาหมึกตัวนี้ไปทำอาหารจานเด่น "คาลามารี" หรือนำปลาหมึกหั่นเป็นแว่นแล้วทอด จะได้ปลาหมึกชิ้นเท่าล้อรถยนต์เลยทีเดียว




อันดับ 2 สัตวแพทย์ชาวไต้หวันถูกจระเข้งับมือขาด

เมื่อวันที่ 11 เมษายน พ.ศ.2550 ที่สวนสัตว์เมืองเกาสง เกาะไต้หวัน นายสัตวแพทย์ชาง โป-หยู ให้ยากล่อมประสาทจระเข้พันธุ์ไนล์ แต่ยากล่อมประสาทดูท่าจะไม่เพียงพอ เพราะออกฤทธิ์น้อยเกินไป ทำให้จระเข้น้ำหนัก 200 กิโลกรัมตัวนี้งับมือซ้ายของสัตวแพทย์ผู้นี้จนขาดเป็ นที่สยดสยองของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ โชคดีที่มือไม่เละ แพทย์สามารถต่อมือซ้ายใหม่ให้ได้โดยใช้เวลาผ่าตัดนาน 7 ชั่วโมง สำหรับจระเข้พันธุ์ไนล์เมื่อโตเต็มที่จะมีความยาว 5 เมตร และสามารถฆ่าคนได้ประมาณ 200 รายต่อปี




อันดับ 3 จับปลาชราอายุ 100 ปีที่อลาสก้า

เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ.2550 ชาวประมงที่ทะเลแบริ่งในอลาสก้า จับ "ปลาชอร์ตเทรกเคอร์ร็อกฟิช" ตัวเชื่องได้ และนำไปให้นักวิทยาศาสตร์ตรวจ เมื่อดูไปดูมา นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันบรรยากาศและทะเลแห่งสหรัฐหรื อ NOAA ฟันธงว่า ปลาร็อกฟิชตัวนี้เป็นเพศเมีย มีอายุราว 90-115 ปี โดยการดูอายุปลานั้นดูจากวงแหวนของกระดูกหูในปลา มันมีลำตัวยาว 112 เซนติเมตร น้ำหนัก 27 กิโลกรัม และมีพุงที่ใหญ่มากๆ จากสถิติพบว่า "ปลาชอร์ตเทรกเคอร์ร็อกฟิช" ที่ตัวใหญ่สุดเท่าที่เคยจับได้มีความยาว 119 เซนติเมตร ส่วนตัวที่ชราที่สุดคือตัวที่มีอายุ 157 ปี




อันดับ 4 ซากปลาหมึกยักษ์

เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ.2550 ที่ชายฝั่งทัสมาเนีย ของออสเตรเลีย ผู้ที่เดินเตร็ดเตร่ไปมาที่ชายหาดทางทิศตะวันตกของเก าะทัสมาเนียแจ้งว่า พบซากปลาหมึกยักษ์หรือ "ว็อปเปอร์" จากนั้นนักวิทยาศาสตร์จากพิพิธภัณฑ์ทัสมาเนียทำการตร วจสอบพบว่า หมึกยักษ์มีน้ำหนัก 250 กิโลกรัม ความยาวทั้งหมด 8 เมตร หรือเท่ากับรถโรงเรียนคันใหญ่ๆ




อันดับ 5 จับปลาฉลามก็อบบลินได้ที่ญี่ปุ่น


เมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ.2550 ที่อ่าวโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น พนักงานของอุทยานน้ำโตเกียวซีไลฟ์พาร์กและชาวประมงจั บปลาฉลามก็อบบลิน ซึ่งเป็นปลาที่มีมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ได้ ฉลามตัวนี้มีความยาว 4.3 ฟุต ว่ายอยู่ในระดับความลึก 500-650 ฟุต จากนั้นอีก 2 วันมันก็ตาย นักวิทยาศาสตร์ยังไม่ค่อยทราบรายละเอียดของฉลามพันธุ ์นี้มากนัก แต่ส่วนใหญ่มันจะอาศัยอยู่ใกล้กับพื้นทะเล




อันดับ 6 ถ่ายภาพ "นกยิ้ม" ที่โคลัมเบีย

นักวิทยาศาสตร์ตั้งสมญานามนกพันธุ์บุชเบิร์ดที่มีจะง อยปากโค้งว่า "โมนาลิซ่าแห่งนก" เป็นการถ่ายภาพได้ครั้งแรกในรอบ 40 ปี มันอาศัยอยู่แถวเวเนซุเอลาและทางตะวันออกเฉียงเหนือข องโคลัมเบีย เหตุที่นกพันธุ์นี้หายหน้าหายตาไปนานเป็นเพราะสภาพป่ าเสื่อมโทรมและมีการเผาป่าเพื่อทำไร่ ทำให้นกต้องย้ายถิ่นไปในที่ห่างไกล





อันดับ 7 พบฟอสซิลจระเข้โบราณสมัยจูราสสิก


เมื่อวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ.2550 นักวิทยาศาสตร์จากยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ โอเรกอน เปิดเผยว่า พบฟอสซิลของจระเข้พันธุ์ ธาลัตโตซูเชีย (Thalattosuchia) ที่เทือกเขาบลูเมาเท่น ทางตะวันออกของรัฐโอเรกอน มันมีอายุราว 150-180 ล้านปี ตามปกติแล้วฟอสซิลจระเข้พันธุ์นี้พบในเอเชีย ตั้งแต่ญี่ปุ่นไปจนถึงติมอร์ตะวันออก แต่การที่มันปรากฏให้เห็นในอเมริกาเหนือคาดว่า เกิดขึ้นจากการขยับตัวของแผ่นเปลือกโลกแปซิฟิกชนกับแ ผ่นเปลือกโลกอเมริกาเหนือ ทำให้ฟอสซิลนี้มาอยู่ที่เทือกเขาบลูเมาเท่น





อันดับ 8 พบเสือดาวพันธุ์ใหม่

เมื่อวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ.2550 นักวิทยาศาสตร์จากเนชันแนลมิวเซียมสกอตแลนด์ หรือพิพิธภัณฑ์แห่งชาติสกอตแลนด์ ประกาศว่า เสือดาวที่พบในเกาะบอร์เนียวและเกาะสุมาตรา เป็นเสือดาวพันธุ์ใหม่ เนื่องจากพบพันธุกรรมที่แตกต่างไปจากเสือดาวพันธุ์อื ่นๆ เสือดาวพันธุ์บอร์เนียนคลาวด์ (The Bornean clouded leopard) มีน้ำหนักประมาณ 23 กิโลกรัม มันชอบกินกิ้งก่า จิ้งเหลน ลิง ไปจนถึงกวางตัวน้อยๆ คาดว่าพวกมันราว 8,000-18,000 ตัวอาศัยอยู่ในพื้นที่อนุรักษ์ของเกาะบอร์เนียว




อันดับ 9 ฟอสซิลกบต้นไม้ในแท่งอำพัน

ชาวเหมืองในรัฐไชอาพาส ประเทศเม็กซิโก พบฟอสซิลกบในอำพันจึงขายให้กับนักสะสม ต่อมานักสะสมนำส่งให้นักวิทยาศาสตร์ตรวจสอบ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์จากสถาบันสิ่งแวดล้อมและประวัติศา สตร์ธรรมชาติไชอาพาส ระบุไปเมื่อเดือนกุมภาพันธุ์ พ.ศ.2550 ว่า ฟอสซิลกบต้นไม้หรือ "ทรี ฟร็อก" นี้ อาจมีอายุถึง 25 ล้านปี ส่วนอายุกบขณะที่ตายนั้นยังไม่ทราบ




อันดับ 10 นกฮูกประหลาด

เมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ.2550 นักฮูกพันธุ์ Xenoglaux ได้รับสมญานามว่า "นกฮูกประหลาด หรือ strange owl" เนื่องจากเป็นพันธุ์หายาก โดยพบที่เขตเทือกเขาในเปรู นักวิทยาศาสตร์พบนกฮูกพันธุ์นี้เป็นครั้งแรกเมื่อพ.ศ .2519 มันเป็นนกตัวเล็ก มีตาสีส้มสุกใส


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์