ตำนานเกรียนเหนือเกรียน

ตำนานเกรียนเหนือเกรียน

ตามความเชื่อโบราณเราแบ่งความเกรียนออกเป็น 4 ประเภท, ตามการเกิด

ประเภทแรก
สังเสทชเกรียน (สัง-เส-ทะ-ชะ-เกรียน)
คือเกรียนที่อุบัติขึ้นท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่แออัดแ ละเจิ่งนองไปด้วยแหล่งน้ำเน่าเสีย เช่น แหล่งชุมชนแออัด เป็นต้น เกรียนเหล่านี้เรียกเป็นภาษาชาวบ้านว่า เกรียนสลัม

ประเภทที่สอง
อัณฑชะเกรียน (อัน-ทะ-ชะ-เกรียน)
คือเกรียนที่อุบัติขึ้นโดยจากความหมกมุ่นอยู่แต่เรื่ องของอัณฑะหรือเกี่ยวกับอัณฑะใน
ทุกๆ กรณี หรือในอีกนัยหนึ่งคือเกรียนที่นิยมเรื่องไต้สะดือเป็ นอาจินต์ ภาษาชาวบ้านเรียกว่า เกรียนสถุล

ประเภทที่สาม
ชลาพุชะเกรียน (ชะ-ลา-พุ-ชะ-เกรียน)
คือเกรียนที่อุบัติขึ้นในครรภ์ หรือเรียกอีกอย่างว่า เกรียนโดยกำเนิด

ประเภทสุดท้าย
โอปปาติเกรียน (โอ-ปะ-ปา-ติ-เกรียน)
คือเกรียนที่อุบัติขึ้นมาแล้วเป็นตัวเป็นตนในสภาพที่ โตเต็มวัยโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการทางความคิดหรือวิวั ฒนาการในการไตร่ตรองใดๆ เกรียนเหล่านี้เราเรียกว่า เกรียนแตก

แลหากเกรียนตนใดที่อุบัติขึ้นแลมีครบทั้งสี่ประการอย ู่ในตนเดียว เกรียนนั้นจักถูกยกให้เป็น เกรียนเทพ หรือ IกรีeuInW อันเป็นคำเรียกที่ยกย่อง องค์กิเรียนนเทวบุตร (กิ-เรียน-นะ-เท-วะ-บุตร) เทพผู้ให้กำเนิดและคุ้มครองเหล่าเกรียน



ตำนานเกรียนเหนือเกรียน

จากคัมภีร์เกรียนเวทย์ และคัมภีร์ทางนิกายตันตระ ได้มีการกล่าวถึง กิเรียนนเทวบุตร ว่า ถือกำเนิดขึ้นจากสิ่งใดไม่มีการบันทึกไว้อย่างแน่ชัด เป็นเทวบุตรที่มีรูปร่างแปลกประหลาดพิสดารยิ่งนัก ซึ่งคัมภีร์เกรียนเวทย์ ได้กล่าวไว้ว่า เป็นเทพแต่มิใช่เทพ อสูรแต่มิใช่อสูร แลมิใช่ทั้งพวกแทตย์แลทานพใดๆ ทั้งสิ้น มีรูปกายตั้งตรง พุงโตใหญ่ รูปร่างเตี้ย หนังศีรษะมีเพียงเส้นผมบางๆ ที่ด้านบน รอบด้านมีแต่หนังศีรษะสีขาวอมเขียวดุจดังพึ่งตัดมาให ม่ๆ ฉลองภูษาท่อนบนสีแขนสั้นสีขาวบริสุทธิ์กลัดกระดุมห้า เม็ด ท่อนล่างสีกรมท่าขาสั้น ชายเสื้ออยู่เหนือกางเกง สวมรองเท้าผ้าใบเหยียบส้นนามว่านันยาง พุงเท้าสีขาวที่ม้วนลงมากองที่ข้อเท้าและย้วยจนยับปล ิ้น ใบหน้าสวมแว่นตาหนาเตอะ ยามอ้าปากจะเห็นฝูงสุนัขขี้เรื้อนดุร้ายอยู่ข้างในฝู งหนึ่งคอยส่งเสียงร้องเห่าหอนออกมาอย่างโหยหวนเป็นระ ยะ หัตถ์ขวาทรงพระแสงคีย์บอร์ดนามว่าซูห์ บางตำรากล่าวว่าพระแสงคีย์บอร์ดนี้นามว่าลอจิเท็ค หัตถ์ซ้ายทรงกระเป๋าสีดำใบใหญ่ภายในบรรจุคัมภีร์โดจิ นต่างๆ จนกระเป๋านี้พองบวม ทรงเก้าอี้สีแดงเป็นพาหนะ มีวิมานชื่อร้านเน็ต ยามว่างมักชอบก่อเหตุสำแดงอิทธิฤทธิ์ลงไปสิงยังร่างข องมนุษย์จนเกิดเป็นเรื่องราวต่างๆ นาๆ อันว่าบันทึกในคัมภีร์เกรียนเวทย์ก็จบลงเพียงเท่านี้ แล…


ตำนานเกรียนเหนือเกรียน

เมื่อ ถือกำเนิดขึ้นบนสวรรค์ อำนาจของกิเรียณเทวบุตร ก็สำแดงอานุภาพสั่นคลอนไปทั่ว
ทั้งเทวโลก บาดาลโลก ปฐพีโลก ยมโลก และอสูรโลก เหล่าเทวดา มนุษย์ อสูร รากษส แทตย์ ทาณพ รุฑ นาค
ล้วนแต่กลายเป็นเกรียนกันไปเสียสิ้นและ ในช่วงเวลานั้นเอง ณ พิภพอสูร
พลันบังเกิดเหตุประหลาดขึ้น เมื่อมีทารกอสูรบังเกิดขึ้น เบื้องหน้าบัลลังก์แห่งเนวาสิกเทวอสูรทารกนั้นแผดเสี ยงสะเทือนดังกึกก้องไปทั่วว่า ตบเกรียน ตบเกรียน ตบเกรียน เป็นเวลาถึง 3 ครั้งด้วยกัน

เมื่อเป็นเหตุอัศจรรย์เช่นนี้อสูรเทวเนวาสิก จึงรับเอาทารกนี้มาเลี้ยงดูดุจดังบุตรในอุทรณ์ หากแต่ไม่ว่าจะทำเช่นใดก็ไม่อาจหาชื่อที่เหมาะสมกับท ารกนี้ได้ จวบจนทารกน้อยเติบโตเป็นอสูรหนุ่มที่มีผิวพรรณผุดผ่อ ง ใบหน้าผ่องใส แววตาเปี่ยมไปด้วยสติปัญญาและความรู้ และเจนจบในศาสตร์ต่างๆ จนหมดสิ้น

ครั้น แล้วอสูรกุมารก็บอกลาต่อเทวอสูรผู้เปรียบเสมือนบิดา เพื่อเข้าป่าบำเพ็ญตบะขอพรจากองค์พระเป็นเจ้า กาลผ่านล่วงเลยเป็นเวลานานเท่าใดไม่อาจล่วงรู้ได้ องค์พระเป็นเจ้าจึงปรากฏกาย ขึ้นต่อหน้าอสูรกุมารซึ่งขอพรไว้ว่า ขอให้มีดวงตาอันเป็นทิพยเนตรมองว่าผู้ใดถูกครอบงำด้ว ยอำนาจของกิเรียน ณเทวบุตร แลผู้ใดคือรูปอวตารแห่งเทวบุตรผู้นี้


ตำนานเกรียนเหนือเกรียน

พรข้อถัดมาคือขอให้ทุกๆ วาจาที่เปล่งออกไปเพื่อแสดงธรรมแห่งจักรวาลนั้นรุ่มร ้อนดุจดังเปลวไฟนรกยาม แสดงต่อหน้าเหล่าสาวก หรือรูปอวตารของกิเรียนณ

และพรประการสุดท้ายคือขอให้ตนมีศาสตราวุธและอิทธิฤทธ ิ์ที่สามารถสยบกิเรียน ณได้เสมอในทุกๆ ครั้งที่ต่อสู้กัน

เมื่อ ได้รับพรแล้ว อสูรกุมารก็มุ่งหน้าไปยังเกรียนโลก สถานที่อันเป็นที่ตั้งของวิมานร้านเน็ตแห่งกิเรียนณ
ด้วยพรอันศักดิ์สิทธิ์ เหล่าสาวกของกิเรียนณต้องมีอันถึงกับลงไปดิ้นทุรนทุร ายราวกับถูกแผดเผาด้วย ไฟนรก
ผู้ที่คิดต่อสู้เพียงแค่ถูกฝ่ามือของอสูรกุมารตบเข้า ให้ที่ศีรษะ พลันเส้นผมก็บังเกิดขึ้นและงอกยาวจนขับไล่ความเกรียน ออกได้จนหมดสิ้น
เป็นเช่นนี้กิเรียนณเทวบุตรจึงสำแดงอิทธิฤทธิ์เข้าต่ อสู้ด้วยตนเอง เป็นการต่อสู้ที่สะท้านไปทั่วทั้งจักรวาล เพราะต่างฝ่ายต่างก็เปี่ยมไปด้วยฤทธานุภาพ

ในท้ายที่สุดอสูรกุมารก็ได้ทีใช้มือตบไปที่ศีรษะของก ิเรียนณ จนหลุดกระเด็น และมีเส้นผมงอกเงยขึ้นมา แต่ว่าเมื่อศีรษะนั้นตกลงถึงพื้นกลับกลายเป็นว่ามีกิ เรียนณเทวบุตรขึ้นมาอีก นับล้าน
อสูรกุมารจึงใช้กลวิธีใหม่ด้วยการแบ่งภาคออกมาเป็นจำ นวนเท่าๆ กัน แล้วทุกภาคก็โยนกิเรียนณ ขึ้นไปบนฟ้า แล้วจับไว้พร้อมทั้งใช้อาวุธวิเศษที่ได้รับมา

นั่นคือพระแสงแบตตาเลี่ยนอันแหลมคม เข้าไถศีรษะของร่างแบ่งกิเรียนณ จนเส้นผมหายไปหมดสิ้น แล้วจึงใช้มือระดมตบอย่างไม่ยั้งพลางสาธยายธรรมอันศั กดิ์สิทธิ์ จนกระทั่ง ศีรษะของกิเรียนณ แตกออกเป็นเสี่ยงๆ กระจายลงสู่พื้นโลกสูญสลายไป

เมื่อมีชัยเหนือกิเรียนณเทวบุตรได้ อสูรกุมารจึงได้รับนามอันเป็นมงคลแก่ตนว่า กิเรียนณรชิต (กิ-เรียน-นอ-ระ-ชิด) อันแปลว่าผู้พิชิตความเกรียน และกลับสู่วิมานของตน ณ อสูรโลก หากยามใดที่มีสาวกแห่งกิเรียนณ หรือรูปอวตารแบ่งภาค ปรากฏขึ้น กิเรียนณรชิต จะลงไปไล่ตบจนสิ้นเพื่อกำจัดภัยร้างแห่งจักรวาลนี้
 
และนับแต่นั้นเป็นต้นมา ทั่วทั้งจักรวาลก็ไม่มีความเกรียนอีกเลยแม้แต่น้อย เอวังจึงเกิดขึ้นด้วยประการฉะนี้แล


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์