Guns N' Roses - Sweet Child O'Mine
Guns N' Roses - November Rain
Guns&Rose
วันที่ 6 กุมภาพันธ์ ปี 1962 นายหนู Axl Rose หรือ William Bailey (นามสกุลยังกะแดง ไบเล่เลยวุ้ย) ก็ถือกำเนิดขึ้น
ถัดมาไม่กี่วัน 8 เมษายนปีเดียวกัน Izzy Stradlin [Jeff Isbell] ก็คลานออกมา
วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 1964 Duff McKagan [Michael McKagan] ก็ตามมาอีกคน
วันที่ 22 มกราคม 1965 Steven Adler ก็เกิดตามมา
คนสุดท้าย วันที่ 23 กรกฏาคม 1965 นายฟู Slash (Sual Hudson) ก็เกิดมาจนได้
ช่วงประมาณปี 1972-1976 Steven Adler กับ Slash ก็ย้ายไปร้อยเอ็ด เอ้ย... Los Angelis
ตั้งแต่ ปี 1976 -1983 นายพวกที่เอ่ยๆ ชื่อมาข้างบนนั่นน่ะ ก็ต่างคนต่างเล่นดนตรีไปตามเรื่องตามราว โดยที่เจอกันบ้าง แต่ไม่ได้มีอะไรไปกว่าเพื่อนร่วมอาชีพเท่านั้น แต่....
ช่วงปลายๆ ปี 1983 Axl ก็ได้พบกับ Izzy และ Chris Weber และ Johnny Kreiss แล้วก็ตั้งวงดนตรีขึ้นชื่อว่า A.X.L และภายหลังก็เปลี่ยนมาเปง Rose ในภายหลัง แต่สุดท้ายพวกเค้าก็เปลี่ยนชื่อวงอีกครั้งคือ Hollywood Rose
ปลาย ปี 1984 Izzy ก็แยกตัวไปอยู่วง London กับ Chris Weber และ Axl ก็ลาออกจากวง Hollywood Rose และไปฟอร์มวงใหม่ชื่อว่า LA. Gun โดยมีสมาชิกอีกสองคนก็คือ Ole Beich และ Rob Gardner
พอสิ้นปี 1984 Hollywood Rose ก็กลับมารวมตัวเฉพาะกิจอีกครั้ง และ Tracii Guns ก็เข้ามาแทน Chris Weber
ต้น ปี 1985 Duff ตัดสินในหันมาเล่นเบส และได้พบกับ Steven Adler กะ Slash โดยที่ตอนนั้นพวกเค้าก็ฟอร์มวงขึ้นมาคือ Road Crew และ Slash ก็โชว์ท่อน Riff ที่คิดขึ้นมาสดๆ ซึ่งภายหลังก็คือเพลง Paradise City นั่นเอง
26 มีนาคม 1985 LA Gun และ Hollywood Rose ก็มารวมตัวกันโดยใช้ชิ่อว่า Gun 'N Roses โดยที่พวกเค้าไม่ยอมรับชื่อวงอีก 2 ชื่อก็คือ Head of Amazon และ AIDS โดยที่มีสมาชิกดังนี้ Axl, Izzy, Tracii Guns, Beich และ Gardner
ต่อมา Duff ก็เข้ามาแทน Beich
และนี่ก็คือรายชื่อสมาชิก Gun 'N Roses ในยุคก่อตั้ง
W. Axl Rose (vocals)
Izzy Stradlin (guitar)
Tracii Guns (guitar)
Duff McKagan (bass)
Rob Gardner (drums)
ต่อมา ในวันที่ 6 มิถุนายน 1985 Slash กับ Steven Adler ก็เข้ามาแทน Tracii Guns และ Rob Gardner
ช่วง ปลายปี 1985 G'N R ก็เริ่มแต่งเพลงของตัวเอง หลังจากที่เล่นเพลงของคนอื่นมานาน โดยที่เพลงเหล่านั้นก็คือ Welcome To The Jungle, Reckless Life, It's So Easy และ Don't Cry
ช่วงนี้ พวกเค้าได้รับความนิยมอย่างมาก คลับที่พวกเค้าไปแสดงได้รับการต้อนรับอย่างล้นหลาม โดยที่คลับเหล่านั้นก็ต้อนรับศิลปินระดับโลกมาแล้วมากมาย คลับพวกนี้ก็คือ Whisky a Go-Go, Roxy, The Water Club, Troubadour
25 มีนาคม 1986 พวกเค้าก็ได้เซ็นสัญญากับ Geffen Record และพวกเค้าก็เริ่มทำอัลบั้ม Appertite for Destruction
ประมาณ ปลายปี 1986 พวกเค้าก็อัดอัลบั้มแรกเสร็จ ทาง Geffen ก็วางแผนว่าจะวางจำหน่ายอัลบั้มนี้ในเดือนกรกฏาคม 1987 และทาง Geffen ก็ปล่อย EP ของพวกเค้าออกมาก็คือ Live Like A Suicide
15 มิถุนายน 1987 Single It's so easy และ Mr.Brownstone ก็วางจำหน่าย
และ แล้ว 21 กรกฏาคม 1987 อัลบั้มแห่งประวัติศาสตร์ Appertite for Destruction ก็ออกวางจำหน่ายในอเมริกา และเดือนสิงหาคม ก็วางจำหน่ายที่อังกฤษ
29 กันยายน - 8 ตุลาคม 1987 ทางวงออกทัวร์ในยุโรป โดยที่ไปจบที่ Hammersmith Odeon ในลอนดอน โดยในระหว่างทัวร์ที่ Amsterdam Axl ก็พ่นคำนี้ออกมา "people like Paul Stanley from Kiss can suck my dick! And some of these old guys, that say we're ripping them off, maybe they should listen to some of their earlier albums and remember how to play them" ไปแปลกันเอาเองเน้อ
เดือนพฤศจิกายน 1987 พวกเค้าร่วมทัวร์กับ Motley Crue Slash กับ Steven Adler ก็ช่วย Nikki Sixx (มือเบสจอมระห่ำ) จากอาการช๊อกยา
23 เมษายน 1988 Appertite for Destruction ก็ติดอันดับ 10 ของ Billboard จนได้
23 กรกฤาคม 1988 อัลบั้มนี้ก็ขึ้นไปจนถึงอันดับ 1 ของ BillBoard
30 พฤศจิกายน 1988 ทาง Geffen และทางวงก็ปล่อยอัลบั้มซึ่งเป็นงานรวมเพลงเก่าๆ ของพวกเค้า และเพลงที่เล่นในแบบ Acoustic ออกมาคือ Lies! The Sex, The Drugs, The Violence, The Shocking Truth แต่หลายๆ คนบอกว่ายาวชิบหาย ก็เลยเปลี่ยนเป็น G N' R Lies
ในช่วงนี้พวกเค้าก็ออกทัวร์อีกมากมาย จนเกิดเรื่องเกิดราวเยอะแยะ แต่ไม่มีเหตุการไหนที่จะโด่งดังเท่าอันนี้
11 กันยายน 1989 G N' R ได้รับรางวัล Best Heavy Metal/Hard Rock Video ได้จากเพลง Sweet Child O' Mine แต่หลังเวที Vince Neil ต่อยปาก Izzy จนปากของ Izzy แหกเพราะแหวนที่นิ้ว และบังเอิญชิบที่กล้องสามารถจับภาพนั้นได้ด้วย อุอุ
เดือนกุมภาพันธ์ 1990 Darren (Dizzy) Reed เข้ามาร่วมวงในตำแหน่ง Keyboard
11 กรกฏาคม 1990 Steven Adler ถูกไล่ออกจากวงเนื่องจากไม่หยุดเสพยา และผู้มาแทนก็คือ Matt Sorum จากวง The Cult
ช่วง เดือนกันยายน 1990 พวกเค้ามีเพลงอยู่ในกำมือถึง 36 เพลง โดยที่จะตั้งชื่ออัลบั้มว่า Use Your Illusion ตามภาพเขียนของ Mark Kostabi โดยที่ทาง Geffen และ ทางวงจะวางขายเป็นอัลบั้มคู่ และในหนึ่งอัลบั้มจะมี 2 แผ่นด้วยกัน
9 พฤศจิกายน 1990 Axl, Slash, Duff, Sebastian Bach (Skid Row), James Hetfields & Kirk Hammett และ Lars Ulrich ร่วมตัวกันในงาน RIP magazine's party ที่ Hollywood Palladium โดยใช้ชื่อวงว่า GAK และเล่นเพลง You're Crazy, For Whom The Bell Tolls, Piece Of Me, Hair Of The Dog, Whiplash (#1) and Whiplash (#2)
20 - 23 มกราคม 1991 ทางวงได้ไปเปิดคอนเสิร์ทที่ Rio de Janeiro ท่ามกลางคนดูจำนวนมหาศาล สองรอบรวมกัน 260,000 คน!!!
25 มิถุนายน 1991 You're could be mind ออกวางจำหน่ายใน US.
และ เพลงนี้ก็ได้นำไปเป็น Soundtrack ในหนังเรื่อง Terminator2 : Judgememt Day โดยที่มีพี่กล้าม Arnold Schwarzenegger ได้มาเปนพระเอกมิวสิกด้วยล่ะ กักๆๆ
ในช่วงนี้ทางวงก็ไปทัวร์คอนเสิร์ทในประเทศแถบสแกนดิเนเวีย โดยที่ทางวงก็ได้ก่อเรื่องก่อราวมากมายมหาศาล เช่นพังห้องพัก ทุ่มทีวีลงมาจากห้องพัก เหล้า ผู้หญิง แต่ก็อย่างว่าตั๋วทุกใบจำหน่ายเกลี้ยง รวมๆ แล้วไม่ต่ำกว่า 370,000 ใบ โอววววว
16 กันยายน 1991 Use Your Illusion I&II ออกวางจำหน่ายที่ยุโรป
17 กันยายน 1991 Use Your Illusion I&II ออกวางจำหน่ายที่อเมริกา
น่าแปลกที่ชุด II ออกวางจำหน่ายก่อน และแปลกกว่าก็คือทั้งสองอัลบั้ม ขึ้นอันดับ 1 และ 2 ใน Billboard ทันที ซุ๊ดหยอดว่ะ
7 พฤศจิกายน 1991 Izzy Stradlin ลาออกจากวงและผู้ที่มาแทนก็คือ Gilby Clarke จากวง Kill For Thrills และสมาชิกยุคนี้ก็คือ
W. Axl Rose (lead vocals, piano)
Slash (lead guitar, backing vocals)
Duff McKagan (bass, backing vocals)
Gilby Clarke (rhythm guitar, backing vocals)
Dizzy Reed (keyboards, percussion)
Matt Sorum (drums, backing vocals)
และในโชว์คอนเสิร์ทที่ Worcester, MA. โดยที่มี Soundgarden มาเป็นวงเปิด ทางวงก็นำนักดนตรีสนับสนุน โดยที่มีพวกเครื่องเป่ามาเล่นด้วย
Ted Andreadis (keyboards, harmonica, background vocals)
Diane Jones (background vocals)
Roberta Freeman (background vocals)
Tracy Amos (background vocals)
976-Horns:
Lisa Maxwell (horns)
Cece Worrall (horns)
Anne King (horns)
9 ธันวาคม 1991 ทางวงก็เล่นที่ Madison Square Garden ต่อหน้าผู้ชมกว่า 160,000 คน
31 ธันวาคม 1991 ฉลองปีใหม่กันที่ Joe Robbie Stadium 180,000 คน อูยยยย
20 - 22 มกราคม 1992 Live at Tokyo Dome โชว์สามรอบคนดูรวม 250,000 คน และทำมีการบันทึกเทปอีกด้วย
20 เมษายน 1992 ทางวงได้ไปร่วมในคอนเสิร์ท The Freddie Mercury Tribute Concert for AIDS Awareness. ต่อหน้าผู้ชมเต็มสนาม Wembley 170,000 คน โดยที่พวกเค้าร้องเพลง Paradise City และ Knockin' On Heaven's Door และร่วมร้องกับป้าแอ๋ว (Elton John) ในเพลง Bohemian Rhapsody และ We will rock you & We are the Champion
12 พฤษภาคม - 4 กรกฏาคม 1992 ทัวร์ยุโรป รวมแฟนเพลงกว่า 600,000 คน ตั๋วขายหมดเกลี้ยงจ้า
9 กันยายน 1992 Axel ด่า Courtney Love (เมีย Kurt Kobain) ว่า " You shut your ###### up or I'm taking you down to the pavement!" ทาง Kurt ก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากคำว่า "Shut up, ######!" ให้กับเมียตัวเอง ในงานเปิดตัวหนังสือ "Come As You Are The Story Of Nirvana" ของ Michael Azerrad
8 ธันวาคม 1992 ทางวงปล่อยบันทึกการแสดงสดครั้งแรกของวงออกมา โดยใช้ชื่อว่า Use Your Illusion World Tour 1992 In Tokyo ไปหามาดูกันนะครับ มันส์สุดๆ เลยล่ะ
ในช่วงนี้ทางวงก็ออกทัวร์อีกหลาย ร้อยโชว์ โดยที่มีผู้ชมหลายแสนคน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตั๋วจะขายหมดหรือไม่หมด อุอุ อ่อ...ช่วงนี้ทางวงก็เริ่มทำอัลบั้มใหม่เหมือนกันด้วย
23 พฤศจิกายน 1993 ทางวงก็ออกอัลบั้มใหม่ ซึ่งเป็น Cover Album ออกมา คือ The Spaghetti Incident?
เดือนมิถุนายน 1994 Gilby Clark ถูกไล่ออกจากวง
เดือนตุลาคม 1994 Slash's Snakepit ซึ่งเป็นวงเดี่ยวของ Slash ทำอัลบั้มเสร็จ และจะวางจำหน่ายในเดือนกุมภาพันธ์ 1995
กุมภาพันธ์ 1995 Slash's Snakepit ออกวางจำหน่าย โดยที่มีสมาชิกดังนี้ Slash, Gilby, Matt Sorum, Eric Dover (ต่อมาก็มาตั้งวง Jelly fish) และ Mike Inez (Alice in chain)
30 ตุลาคม 1996 Slash ลาออกจากวง
ทางวงก็ไม่ได้สนใจอะไร ยังคงทะเลาะและมีปัญหากันตลอดเวลา สาเหตุก็คือเรื่องเงินและสุรา+ยาเสพติด
เดือนมกราคม 1997 Axl ก็ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธ์ชื่อ Guns N' Roses แต่เพียงผู้เดียว
21 กรกฏาคม 1997 ครบรอบ 10 ปี Appertite fot Destruction
เดือนสิงหาคม 1997 Duff ลาออกจากวง
16 มีนาคม 1999 Steven Adler เป็นผู้รับรางวัล Diamond Award จาก RIAA เนื่องจากอัลบั้ม Appertite for Destruction ขายได้เกิน 15 ล้านแผ่นทั่วโลก
30 พฤษจิกายน 1999 อัลบั้ม "Live Era '87 - '93" ออกวางจำหน่าย
ใน ช่วงนี้ก็มีนักดนตรีชื่อดังหลายคนเข้าๆ ออกๆ วงกันเป็นว่าเล่น โดยมีราบชื่อดังนี้ Bryan "Brain" Mantia, Buckethead and Robin Finck และ Josh Freese
และก็ช่วงนี้ Slash, Duff และ Matt ก็รวมตัวกันอีกครั้ง โดยมี Josh Todd มาร้องนำและ Keith Nelson มาเล่นกีต้าร์ให้ ในงาน Randy Castillo Tribute
หลังจากนั้นพวกเค้าก็ร่วมกับ Sen Dog (Cyperss Hill) และ Steven Tyler จาก Aerosmith ออก Single มา มีเพลง It's So Easy, God Save The Queen, Nice Boys, Lit Up, Paradise City และ Mama Kin
หลัง จากนั้น Axl และ G N'R ของเค้าก็ออกทัวร์อีกครั้ง ถ้าจำได้ นาย Buckethead เอาเคเอฟซีบักเกตมาสวมหัว ทำให้คล้ายๆ Slash อ่ะ จำได้มั้ย 555
6 มิถุนายน 2003 Scott Weiland, Duff McKagan, Matt Sorum, Slash และ Dave Kushner รวมตัวกันฟอร์มวง Velvet Revolver
15 มีนาคม 2004 Geffen ออกรวมงาน Greatest Hits ในยุโรป โดยที่ติดอันดับ 1 ใน 9ประเทศ ที่อังกฤษ ติดอันดับหนึ่งนานถึง 5 สัปดาห์
23 มีนาคม 2004 Greatest Hits วางจำหน่ายที่อเมริกา ติดอันดับ 3 ทันที
สุด ท้ายแระ 7 ธันวาคม 2004 Velvet Revolver เข้าชิง Grammy Award สาขา Best Hard Rock Performance, Best Rock Song และ Best Rock Album
หมดซะที ยาวเหยียดสะใจดีมะ สำหรับข่าวคราวของวงก็ไปติดตามกันเอาเองนะ จริงๆ แล้ว ยังมีอีกเยอะที่ไม่ได้แปลมา เพราะมันเยอะจัด แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องที่ทางวงอาละวาด ทำลายข้าวของ ข่าวเรื่องเมาแล้วเปรี้ยว โดนจับเรื่องยา สุดท้ายวง Heavy Metal ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุค 80 ก็ต้องจบลงไป โดยที่จะกลับมารวมตัวกันอีกคงเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่ถ้าเงินถึงจริงๆ คงไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะเห็น Guns N' Roses สมาชิกเดิมและอัลบั้มใหม่แน่นอน