ใจไม่ถึงจริงอย่าอ่าน .... จะหาว่าไม่เตือน
คืนวันนั้น... ฉันกับยายนั่งคุยกันริมระเบียงถึงเรื่องในอดีต
วัยเพียง 7 ปี ทำให้ฉันนั่งฟังยายเล่าได้ไม่นาน
สักพักฉันก็ยุกยิกอยากจะไปเล่นกับเพื่อน
ยายคว้ามือฉันไว้ มือเหี่ยวย่นน่ากลัวเหมือนหนังตายซาก
สายตายายดุดัน แต่เหม่อลอย มองหน้าฉันเหมือนไม่ได้มอง
ฉันนั่งข้างยายอย่างหวาดกลัวในกิริยา
แล้วฟังเรื่องเล่าจากปากยายยายเล่าว่า...
สมัยก่อนเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านตายผู้ใหญ่จะนำมะพร้าว ฝรั่ง มะม่วงในสวน
มาบนเจ้าที่ไม่ให้ผู้ตายมารับตัวเด็ก ๆ ในบ้านไปอยู่ด้วย
ยายถามฉันว่า......
ถ้ายายตายไปแล้วกลับมารับฉัน
ให้ไปอยู่ใน โลกอีกโลกด้วย
ฉันจะไปกับแกไหม ???
ฉันหัวเราะในความงมงาย
คนแก่ก็อย่างนี้หละ
พยักหน้าเสียหน่อยไม่ให้แกน้อยใจ
แล้วฉันก็รีบเดินไปเล่นกับเพื่อน
ยายหัวเราะอยู่คนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมง...
อีก 7 วันต่อมา ยายก็เสียชีวิตแบบประหลาด
กลางดึกคืนสุดท้ายก่อนตาย......
ตัวเย็นชืด แล้วก็หวีดร้องเหมือนปีศาจ
ยายลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเสื่อที่ปูนอน
ปากตะโกนเสียงแหบว่า...
"ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา
ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป"
ทำให้พ่อกับแม่ของฉันตกใจ
ต้องรีบจุดตะเกียงเป็นการใหญ่
บ้านริมน้ำของเราใช้ตะเกียงเป็นดวงไฟ
และใช้ยากันยุงแบบจุดม้วนเพื่อไล่ยุง
หลังจากห่มผ้าให้ยายแล้ว
ฉันก็นอนอยู่ข้าง ๆ
ตัวแกสั่นกุกกัก
ฉันลองหันไปดู ตาแกลืมโพลง
น้ำหมากไหลย้อยออกมาจากปาก
ทดสอบหยิกไปที่หลังมือ
ยายก็ไม่ตอบสนอง
ทุกคนรีบมาดูอาการแล้วลงความเห็นว่า
ยายจากพวกเราไปแล้ว
หลังคืนสวดศพ 3 วัน
ฉันนอนบนเสื่อกับพื้นกระดาน
ลมแม่น้ำพัดตีเข้าบ้าน เย็นสบาย
กลุ่มดาวส่องประกายระยิบระยับ
แว่วเสียงไม้กระดานลั่นเหมือนมีคนเดิน
น้ำหนักมือกดลงบนหน้าอกฉันขณะนอนหงาย
เสียงแหบแห้งของยายถามฉันช้าๆ
" ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย...."
ฉันพยายามยกมือมาพนมกลางอก
" ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย...."
เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำมาอีกครั้ง
ฉันน้ำตาไหลอาบแก้ม
ริมฝีปากหมุบหมิบสวดคาถานะโมสามจบ
กระท่อนกระแท่นเต็มที
เพราะความหวาดกลัวแล่นขึ้นสมอง
น้ำหนักทับบนหน้าอกหนักขึ้นทุกทีที่สวดมนต์จบคาบ
น้ำหนักยายคงไม่เกิน 45 กิโล
แต่ที่ทาบทับบนหน้าอกตอนนี้ก็น่าจะปาเข้าไป 60 กิโลแล้ว
กระดูกกับปอดตรงทรวงอกถูกบดทับจนรวดร้าว
ฉันขอร้องยายว่า ....
" อย่าเอาหนูไปเลย ให้เวลาอีกนิด
รอให้หนูสนุกกับเพื่อนฝูงจนเต็มคราบ
ก่อนค่อยกลับมารับ "
เสียงยายหัวเราะข้างหู
ฉันขนลุกซู่ทั่วกาย
กลิ่นน้ำหมากคละคลุ้งจนเสียวสันหลัง
แล้วน้ำหนักที่อัดแน่นลงบนทรวงอก
ก็ค่อยถ่ายออกทีละน้อยยายหัวเราะ
หมายถึงว่าตกลง...
เวลาผ่านไปหลายปี
การเล่นกับเพื่อนคงลดน้อยลง
หันไปอ่านหนังสือมากขึ้นเพื่อพัฒนาผลการเรียน
ฉันลืมเรื่องยายไปเสียสนิท.......
มาเมื่อคืนวาน ฉันปิดไฟนอน
หลับตาสวดมนต์สามคาบ
แล้วแผ่ส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ
พอลืมตามองเพดาน ในห้องมืด...
หางตาฉันก็มองเห็นยายนั่งอยู่ข้างๆ
" ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย...."
เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำกับเมื่อครั้งอดีต
มันทำฉันแทบบ้า
ร่างยายเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง
ดวงตาหลุดหายไปหนึ่งข้าง
น้ำหมากกับเศษฟันหักร่วงหยดแหมะ ๆ
เปรอะที่นอนเต็มไปหมด
กลิ่นเหม็นของผีตายซากอบอวลเต็มห้อง
คราวนี้ยายเอาจริงแน่
"หนูไม่ไปกับยายหรอก"
ฉันส่ายหัว
มือประกบพนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์
ยายนั่งนิ่ง .....
ตาข้างที่ยังเหลืออยู่มองฉันอย่างรวดร้าวเจ็บช้ำ
ไม่มีเสียงหัวเราะจากปากแก
เพียงเสี้ยววินาที
แกปราดขึ้นมานั่งทับอกฉันบนเตียง
มือเหี่ยวงุ้มบีบคอและพยายามล้วงเข้าไปในปากฉัน
เรี่ยวแรงเหมือนผีสิงฉันแทบสู้แกไม่ไหว
"ยาย ย ย ยายยยเอาคนอื่นไปแทนได้มั้ย?
เอาเพื่อนหนูไปแทนได้มั้ย??"
ฉันเอ่ยถามทางดวงจิต
'.....................'
แกนิ่งเงียบ
"ยายเอาตัวเพื่อนหนูไป เพื่อนหนูที่เข้ามาอ่าน Entry นี้น่ะ
ถ้าใครอ่านแล้วไม่เมนต์ หรือไม่เรียกคนอื่นมาอ่านต่อ
ตอนกลางคืนเค้านอนหลับ
ยายเข้าไปล้วงปากกินเครื่องในกินวิญญาณเค้าเลยนะยาย.."
เสียงยายก้มลงมาหัวเราะริมหูฉัน...
ยาวและนาน เหมือนกับว่าสะใจ
ในข้อเสนอ ก่อนจะหายตัวไป...
ใครหัวเราะหรืออมยิ้ม...จะโชคดีทั้งวัน
ใคร Comment ยายจะไม่มากินตับ....
ใครเรียกเพื่อนมาอ่านด้วยเมนต์
ด้วยยายจะไปให้หวย .... วะ ฮะ ฮ่า
เครียดมาหลายวันและ นึกซะว่าคลายเครียดซักวันนะครับเด้อ
แหล่งที่มา : www.oknation.net/blog/swongviggit