The Picture of Dorian Gray นานมาแล้วที่หลายชาติ หลายศาสนา ต่างมีความเชื่อว่า การถ่ายภาพ หรือวาดภาพเหมือนของใครบางคน เป็นเหมือนการกักขังวิญญาณของคน ๆ นั้นเอาไว้ในภาพ มีเรื่องเล่าขานมากมายเกี่ยวกับอาถรรพ์ภาพเหมือน ทำให้คนโบราณหลายพื้นที่ไม่นิยมถ่ายภาพ หรือเขียนภาพเหมือนของตนเอง จากความเชื่อเหล่านั้น มีนิยายเรื่องหนึ่งซึ่งเป็นที่น่าสยดสยองพอสมควร ซึ่งแต่งโดยนักเขียนชื่อ ออสการ์ ไวลด์ มีชื่อเรื่องว่า "The Picture of Dorian Gray" หรือแปลได้ว่า "ภาพเหมือนของดอเรียน เกรย์" นั่นเอง เรื่องก็มีอยู่ว่า.... ครั้งหนึ่งมีหนุ่มน้อยชื่อดอเรียน เกรย์ เป็นชาวอังกฤษที่หล่อราวกับรูปสลัก มีชีวิตอยู่ราวปี 1870 เป็นหลานของท่านเอิร์ลแห่งเคลโซ และยังเป็นลูกชายคนเดียวของสาวสวยที่สุดแห่งกรุงลอนดอน นามแมรี่ เดเวอโรลซ์ ชีวิตในวัยเด็กของดอเรียนเต็มไปด้วยความผาสุก ถูกดูแลและเอาใจใส่อย่างดีตามแบบลูกเศรษฐี เขาเติบโตเป็นชายหนุ่มที่งามสง่า แต่กลับใช้ชีวิตไร้สาระกว่าที่ควรจะเป็น เขาทำตัวเหลวไหล ไม่ทำการงาน แสดงตัวอย่างกับว่าเป็นศิลปิลที่รักศิลปะมากจนทุ่มเททั้งชีวิตให้กับมัน มีความประพฤติเหลวแหลกอย่างไม่น่าเชื่อในเรื่องของความรัก เขาเป็นไบเซ็กช่วล(คนสองเพศ หญิงก็ได้ ชายก็ได้) ไม่เคยจริงจังกับใคร คู่รักของเขาทั้งหมดจึงล้วนแต่ต้องผิดหวังและจบชีวิตลงอย่างน่าเศร้า ทหารหนุ่มคนหนึ่งอกหักยิงตัวตาย ส่วนเลดี้แห่งกลอเชสเตอร์ก็นอนตายอย่างเดียวดายในวิลล่าที่เมนโทร แต่ด้วยหน้าตาอันหล่อเหลา ผู้คนที่ได้พบเห็นเขาก็ต่างหลงลืมเรื่องราวอันเลวร้ายเสียสนิท เขารูปงามราวกับเทพบุตรบนสวรรค์ ใบหน้าเนียนเปล่งปลั่งด้วยเลือดฝาดของวัยหนุ่ม ริมฝีปากโค้งหยักได้รูปแดงฉ่ำอยู่เสมอ ผมสีทองอร่ามเป็นประกาย และเขายังมีดวงตาที่ใสซื่อบริสุทธิ์ เหมือนกับว่าเขาไม่เคยปล่อยให้ความชั่วร้ายล่วงล้ำเข้ามาในชีวิตของเขาได้เลย ต่อมาเบซิล ฮอลวาร์ด ศิลปินชื่อดังในสมัยนั้น รู้สึกประทับใจในรูปโฉมของดอเรียนจนคลั่นไคล้ ขอร้องให้ดอเรียนมาเป็นแบบให้เขาวาดรูป ซึ่งดอเรียนก้ตอบสนองอย่างเต็มใจ เบซิลทุ่มเทฝีมือทั้งหมดสร้างภาพเหมือนของหนุ่มน้อยดอเรียนขึ้นมา จนกลายเป็นผลงานชิ้นที่สมบูรณ์และงดงามที่สุด แต่เมื่อดอเรียนเห็นภาพวาดของตนเอง แทนที่จะซาบซึ้งหรือประทับใจ เขากลับโกรธเกรี้ยวและตรงเข้าหมายจะฉีกทำลายรูปนั้นเสีย แต่เบซิลคว้ารูปหนีได้ทัน หลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว ดอเรียนพูดอย่างขมขื่นว่า "มันไม่ยุติธรรมเลย รูปเขียนนั่นจะคงอยู่ตราบชั่วฟ้าดินสลายโดยที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แต่ฉันสิ ต้องแก่ลงแก่ลง มันน่าจะมีทางอื่นบ้าง...ให้รูปเขียนนั่นแหละที่แก่ลงแทนฉัน และฉันยังคงหนุ่มแน่นเช่นนี้ตลอดไป" เบซิลส่งภาพเขียนให้กับดอเรียน ต่อจากนั้นมันได้นำไปแขวนไว้ในห้องสมุดและคงจะอยู่ที่นั่นอีกนาน หากเรื่องชั่ว ๆ ของดอเรียนจะไม่เผยออกมาบนรูปภาพนั่น เริ่มจากเรื่องของนักแสดงสาวซิบิล แวน ผู้ที่ดอเรียนหมั้นหมายไว้ว่าจะแต่งงานด้วย แต่กลับสลัดทิ้งอย่างไม่ไยดี หญิงสาวได้กินยาพิษฆ่าตัวตายหนีความเจ็บปวดนั้น และทันทีที่ดอเรียนได้รู้ข่าวการตายของเธอ เขาสังเกตเห็นเส้นที่แสดงถึงความโหดร้ายตรงบริเวณปาก บนรูปเหมือนของเขา เขารีบส่องกระจกดูตัวเอง แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรเกิดจึ้นอย่างในภาพ มันยังคงเนียนใสไร้ร่องรอยเช่นเดิม เขายิ้มลึก ๆ อย่างสะใจ และย้ายภาพเขียนนั้นไปเก็บไว้ในห้องใต้หลังคาทันที ไม่มีใครได้เห็นมันอีกจนหลายปีต่อมา... ดอเรียนยังคงปฎิบัติตัวชั่วช้าร้ายกาจต่อไป ภายใต้หน้ากากอันหล่อเหลา เสียงซุบซิบนินทาเกี่ยวกับเรื่องการฉ้อฉล ตลอดจนเรื่องเสพสุราหยำเปเริ่มหนาหูขึ้น วงสังคมที่เล่าขานกันปากต่อปากอย่าเมามัน แม้ว่าคนเล่าหรือคนฟังเองบางครั้งก็ไม่มีแก่ใจจะเช่าว่ามันเป็นความจริง เพราะดวงตาของดอเรียนยังคงใสซื่อ ดวงหน้าและรูปร่างของเราก็ยังเหมือยเด็กชายที่เพิ่งย่างเข้าสู่วัยหนุ่ม แม้เวลาจะล่วงเลยมาหลายปีแล้วก็ตาม ดอเรียนได้พบเบซิล ศิลปินผู้หลงใหลในรูปของเขาอีกครั้ง เมื่ออายุ 38 ปี โดยที่เขาเป็นผู้มาหาที่บ้าน เพื่อขอร้องให้ดอเรียนออกโรงแก้ข่าวที่ซุบซิบกันอย่างสนุกสนานในวงสังคม เบซิลกล่าวว่า "ใคร ๆ ก็พร้อมจะเชื่อ แค่คุณออกปากคำเดียวเท่านั้น" เบซิลขอร้องชายหนุ่ม แต่ดอเรียนกลับมองเขาด้วยสายตาเหยียดหยามระคนสมเพช แล้วกล่าวว่า "ฉันมีบันทึกชีวิตชนิดวันต่อวันเชียวล่ะ" ดอเรียนไม่แก้ตัวกับศิลปินเกี่ยวกับเรื่องเลวร้ายทั้งปวง "ตามมาสิฉันจะให้คุณดู" ว่าแล้วดอเรียนก็เดินนำไปยังห้องใต้หลังคาที่มีฝุ่นจับเขลอะ เบซิลนึกว่าดอเรียนจะให้ดูบันทึกประจำวัน อันเป็นข้อพิสูจน์ว่าเรื่องราวเลวร้ายต่าง ๆ นั้นไม่เป็นความจริง แต่ก็คิดคาด เมื่อดอเรียนดึงผ้าที่คลุมภาพเหมือนของเขาออกให้ดู เบซิลถึงกับผงะด้วยความตกใจกลัว ภาพวาดซึ่งเบซิลเคยทุ่มเทฝีมือทั้งหมดสร้างสรรค์ขึ้นมา บัดนี้กลายเป็นใบหน้าของชายแก่ที่มีริ้วรอยของความโหดเหี้ยมน่ากลัว ดวงตาที่เคยฉายแววบริสุทธิ์ได้กลายเป็นดวงตาแสดงความอาฆาตแค้นจ้องมองมาที่เบซิล ใบหน้าขณะนี้ถูกคมมีดกรีดเฉือนจนไม่มีร่องรอยของภาพเดิมอยู่เลย ดอเรียนยอมรับกับเบซิลว่าข่าวลือเรื่องฉาวต่าง ๆ เกี่ยวกับตัวเขานั้นเป็นความจริง เขาเป็นคนคิดกลโกงต่าง ๆ นานา เพื่อให้ได้เงินมาเสพสุรา และเรื่องโลกีย์ของเขาก็เป็นจริงทุกอย่าง เพราะคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเขา หลงเชื่อเขาโดยไม่ไตร่ตรอง เพราะรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาไม่เปลี่ยนแปลงของเขานั่นเอง ริ้วรอยต่าง ๆ ของความโหดร้ายทั้งหลายแทนที่จะปรากฏบนใบหน้าของเขา กลับมาประทับอยู่ที่ภาพเหมือนตลอดระยะเวลาอันยาวนาน เขากล่าวโทษเบซิลว่าเป็นต้นเหตุของปัญหาทั้งหมด โดยการวาดภาพเหมือนที่งดงามเสียจนเขาอยากจะแลกเปลี่ยนใบหน้าของเขากับภาพนั้น และในที่สุดมันก็เป็นจริงดังปรารถนา เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เลยที่ใคร ๆ ก็หลงเชื่อเขาเอง และดอเรียนก็ยังโกรธแค้นเบซิลที่วาดภาพนี้ขึ้นมา เพราะมันเป็นหลักฐานและร่องรอยแห่งความชั่วช้าอย่างเดียวของเขาที่หลงเหลืออยู่ เมื่อความโกรธแค้นถึงขีดสุด เขาก็คว้ามีดเล่มหนึ่งแทงเบซิลจนถึงแก่ความตาย ทันทีที่วิญญาณของเบซิลออกจากร่าง มือข้างหนึ่งของภาพเหมือนก็กลายเป็นสีแดงเหมือนเลือด ส่วนศพของเบซิลนั้น ดอเรียนก็จัดการโดยทำการแบล็คเมล์ อลัน แคมเบลล์ เพื่อนสนิทของเขา เขาให้อลันนำศพเบซิลไปกำจัดเสีย มิฉะนั้นจะเกิดเผยความลับของอลันให้ผู้อื่นได้ล่วงรู้ แต่อลันก็ไม่ทนต่อความกดดันจากดอเรียนได้นานนัก เขาตัดสินใจฆ่าตัวตายให้พ้น ๆ ไปซะเลย การตายของคนทั้งสองไม่ได้ทำให้ดอเรียนลดละความชั่วลงได้ เขายิ่งกลับทำความชั่วด้วยความชะล่าใจ จนกระทั่งได้พบสาวน้อยชนบทที่แสนซื่อคนหนึ่ง เขาตกหลุมรักเธอ และเริ่มคิดได้ ความความรักที่มีต่อเธอทำให้เขาตัดสินใจเลิกความชั่วร้ายทั้งหมด และทำตัวเสียใหม่ ด้วยความรู้สึกใฝ่ดีของเขา ดอเรียนคาดว่าภาพเหมือนของเขาก็คงจะถ่ายทอดความดีออกมาด้วย ในที่สุดมันคงจะกลับมาเป็นภาพที่งดงามเช่นเดิมเป็นแน่ ดอเรียนเข้าไปในห้องใต้ดินอีกครั้งด้วยความหวัง เขาดึงฉากผ้าที่คลุมภาพเหมือนไว้ออกมา แต่สิ่งที่เห็นจากภาพไม่เป็นไปตามที่หวังสักนิดเดียว ภาพที่เคยน่าเกลียดอย่างไร บัดนี้กลับน่าเกลียดน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม สีแดงที่เปื้อนอยู่ที่มือข้างหนึ่ง บัดนี้ยิ่งแดงเหมือนเพิ่งถูกแต่งแต้มลงไป ดอเรียนเสียใจ และโมโหมาก เขาคว้ามีดเล่มที่ฆ่าเบซิล แล้วเข้าจ้วงแทงลงไปบนภาพเหมือนของตนเอง ด้วยหวังว่าเขาจะสามารถฆ่าเงาอดีตให้ตายไปได้ แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ มีเสียงกรีดร้องดังก้องขึ้นที่ห้องใต้หลังคา และเสียงใครบางคนล้มลงกับพื้น เมื่อสาวใช้ของดอเรียนขึ้นไปถึง เขาพบชายน่าเกลียดน่ากลัวคนหนึ่งนอนตายอยู่ที่นั่น มีมีดปักคาอยู่ตรงหัวใจ ไม่มีใครรู้จักชายคนนี้ ใบหน้าของศพเต็มไปด้วยรอยตะปุ่มตะป่ำน่าเกลียด และริ้วรอยแห่งความชั่วร้าย สิ่งเดียวที่พอจะแสดงได้ว่าเขาคือใครคือแหวนที่เขาสวมติดนิ้วอยู่เสมอ และเหนือศพของดอเรียน ภาพเขียนของหนุ่มน้อย ดอเรียน เกรย์ ในสมัยที่ยังหนุ่มแน่นหล่อเหลา แขวนอยู่บนฉาก รอยยิ้มของภาพนุ่มนวลละไมยิ่งหว่าที่ใคร ๆ เคยได้เห็น มันกลับมาอยู่ที่เดิมหลังจากถูกประดับแทนใบหน้าของดอเรียนตัวจริงมานานแสนนาน...ดอเรียน ตั้งใจจะสังหารความหลังทิ้งไป แต่เขาลืมไปว่า สิ่งที่อยู่ในภาพที่แท้คือตัวของเขาเอง ------------------------------------------------------------------------------------------------
|