ผ่านไปอีกเดือนแล้ว ในวงการการศึกษา กำลังคึกคักกันเรื่องการปฏิรูปการศึกษารอบสอง ได้มีมติจากคณะรัฐมนตรี ที่เห็นชอบหลักการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง (2552-2561) ซึ่งกำหนดให้รักการอ่านเป็นวาระแห่งชาติ และยังเป็นทศวรรษการอ่านของประเทศ วันที่ 2 เมษายน ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ให้เป็นวันรักการอ่าน ในสาระ...ควรรู้ ขออนุญาตนำบางส่วนของพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตอนที่ทรงเล่าถึงสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงใช้อบรมพระราชโอรสและพระราชธิดา ซึ่งสะท้อนถึงวิธีการสร้างนิสัยรักการอ่านในศาสตร์และศิลป์ ซึ่งสังเคราะห์ได้ 10 วิธีการ เพื่อพสกนิกรของพระองค์ อีกน้อมนำไปใช้ปรับให้เหมาะสม เพื่อเสริมสร้างนิสัยรักการอ่านในครอบครัวของตนได้
วิธีที่ 1 ใช้เวลาสบาย ๆ ของครอบครัวเพื่อส่งเสริมการอ่าน ข้อความในพระราชนิพนธ์เรื่อง "แม่"
"...พอค่ำลง เราก็ขึ้นมารับประทานอาหาร ตอนอาหารนี้ถ้าว่างพระราชกิจ สมเด็จแม่มักจะอยู่ด้วย ประการแรกท่านจะได้ดูว่ารับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารพอหรือไม่ ประการที่สองดูมารยาทโต๊ะ และประการที่สาม เป็นข้อที่พี่น้องทุกคนรวมทั้งพี่เลี้ยงชอบที่สุดคือ..."
การน้อมนำไปปรับใช้ให้เหมาะสม
การสร้างเสริมนิสัยรักการอ่านเริ่มต้นที่พ่อแม่ เพราะถือว่าใกล้ชิดมากที่สุด ยกเว้นกรณีที่ขาดพ่อหรือแม่ จำต้องอาศัยคนที่อยู่ด้วย ซึ่งพ่อแม่ผู้ปกครองควรจัดเวลาในการอ่าน หรือสร้างความสัมพันธ์กันระหว่างเด็กกับหนังสือที่ชัดเจน อย่าทิ้งไว้กับคอมฯ ทีวี ซึ่งไม่สามารถพูดคุยได้ หรืออาจพาไปหาหนังสือที่ร้านหนังสือ ห้องสมุดประชาชน หรือวิธีอื่น ๆ การเสริมสร้างการอ่าน ต้องไม่เคร่งเครียด ควรเป็นเรื่องผ่อนคลาย ทุกคนมีความสุขร่วมกัน
วิธีที่ 2 เลือกหนังสือที่ดีและเด็ก ๆ สนุก
ข้อความในพระราชนิพนธ์เรื่อง "แม่"
"...ท่านจะเลือกหนังสือดี ๆ สนุก ๆ มาเล่าให้ฟัง..."
การน้อมนำไปปรับใช้ให้เหมาะสม
หนังสือดีมีคุณภาพได้มาตรฐาน สนุก เป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้เด็กผูกพันกับหนังสือและการอ่าน เมื่อรู้ว่าลูกชอบเรื่องแบบใด การส่งเสริมให้เกิดการขวนขวายให้ลูกอ่านเองก็จะง่ายขึ้น เพราะการอ่านจะช่วยเสริมปัญญา และช่วยให้เด็กมีสมาะที่ดีในขณะที่อ่านหนังสือนั้น ๆ อย่างจดจ่อ
วิธีที่ 3 ให้เด็ได้รู้เรื่องราวหลากหลาย จากพหุวัฒนธรรม
ข้อความในพระราชนิพนธ์ เรื่อง "แม่"
"...หนังสือทีท่านนำมาเล่า บางทีก็เป็นนิทานธรรมดา ๆ หรือนิทานเรื่องชาดกในพระพุทธศาสนา บางทีก็เป็นประวัติศาสตร์ ประวัติบุคคลสำคัญและความรู้รอบตัวอื่น ๆ บางครั้งเป็นข่าวจากหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ ตอนหลัง ๆ นี้ ท่านชอบอ่านเป็นภาษาอังกฤษให้เราหัดฟังภาษาด้วย..."
การน้อมนำไปปรับใช้ให้เหมาะสม
หนังสือบางประเภท หรือเรื่องราวต่าง ๆ อาจไม่สนุก ไม่น่าสนใจ สำหรับเด็ก ๆ หากได้รับการแนะนำจากพ่อแม่ เพื่อสื่อสารกับลูกอย่างมีอรรถรส จินตนาการขอลูกก็จะกว้างไกล และก่อเกิดแรงบันดาลใจที่หลากหลาย ให้สนใจและเกิดความรู้กว้างขวาง มีใจเปิดรับหนังสือที่ดูว่าไม่ชอบอ่าน รู้เหตุรู้ผล รู้ความแตกต่าง ที่มาที่ไปของวัฒนธรรมที่สอดแทรกในหนังสือ
วิธีที่ 4 มีกิจกรรมพัฒนาทักษะการคิด
ข้อความในพระราชนิพนธ์เรื่อง "แม่"
"...นาน ๆ ที ก็อาจมีการถามปัญหาทวนความว่า ถ้าตอบถูกมักมีรางวัลเงินสด 1 บาท..."
การน้อมนำไปปรับใช้ให้เหมาะสม
การพัฒนาทักษะการคิด เป็นกิจกรรมที่สำคัญที่ควรทำควบคู่ไปกับการสร้างนิสัยรักการอ่าน เพราะสุดท้ายก็หวังว่าเด็ก ๆ จะได้ประโยชน์จากการอ่าน เพราะการอ่านเป็นการคิดในระดับต้น ๆ (คือ จำ เข้าใจ ประยุกต์) และทักษะความคิดระดับสูง (วิเคราะห์ สังเคราะห์ ประเมิน) การให้กิจกรรมต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นการคิด สร้างแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์เป็นเรื่องสำคัญ
วิธีที่ 5 ใช้ทักษะนาฏการในการเล่า
ข้อความในพระราชนิพนธ์ เรื่อง "แม่"
" ....เป็นที่ขบขันกันในครอบครัวว่า หนังสือธรรมดาที่น่าเบื่อที่สุดในโลกของสมเด็จแม่เล่า มันสนุก ตื่นเต้น มีรสชาติขึ้นมาทันที..."
การน้อมนำไปปรับใช้ให้เหมาะสม
วิธีการแบบนาฏการที่ง่ายที่สุดในการเล่าเรื่อง ให้น่าสนใจสำหรับเด็ก ๆ คือ
1. แยกเสียงบรรยาย หรือการเล่าโดยทั่วไป ออกจากบทสนทนาของตัวละคร
2. เล่าอย่างมีชีวิตชีวา ให้เห็นภาพพจน์ของสิ่งที่เล่า และภาวะอารมณ์ของตัวละคร
3. ออกเสียงชัดเจนถูกต้องตามอักขรวิธี แต่ขณะเดียวกัน มีลุกเล่นแปลก ๆ บ้าง
4. ผู้เล่ามีความสุขในการเล่าไปพร้อมกับเด็ก ๆ
วิธีที่ 6 ใช้กิจกรรมศิลปะเชื่อมโยงกับการอ่าน
ข้อความในพระราชนิพนธ์เรื่อง "แม่"
"...ท่านจะเน้นระบายสี..."
การน้อมนำไปปรับใช้ให้เหมาะสม
กิจกรรมด้านศิลปะที่เกี่ยวเนื่องกับหนังสือและการอ่าน นอกจากจะช่วยพัฒนาสุนทรียภาพในเด็กแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างความเข้าใจในมิติอื่น ๆ ของเรื่องราวเสมือนการวิจัยย่อย ๆ ที่เด็กทำได้อย่างสนุกสนาน ซึ่งมีหลายหลากวิธี วาดรูป ระบายสี โดยใช้เทคนิคต่าง ๆ สีไม้ สีน้ำ สีเทียน สีดิน ฯลฯ