ควายทุ่งทอง Buffalo Springfield Classic 60's
วันหวานอันแสนสั้นของรากแก้ว Buffalo Springfield ศิลปิน อัลบั้ม Retrospective :The Best of Rock’n Roll Women เพลงที่สติลส์ เขียนขึ้นมีจังหวะแสนสนุกด้วยเสียงกลองส่งและรับกับเสียงอะคูสติคกีต้าร์อันรัญจวนใจ “ ..มันเป็นดนตรีร็อคและบลูส์ ที่ผสมผสานกันอย่างงดงาม ในแบบเพลงบูลส์ร่วมสมัย ทั้งจังหวะและคำสัมผัส อันเป็นลีลาของกวีนั้น ทำให้เพลงบทนี้กลายเป็นเพลงอมตะสำหรับผู้ฟังทุกยุคทุกสมัย...” On The Way Home จัดว่าอยู่ในรูปแบบฉบับของเพลงอมตะยอดนิยมเพลงหนึ่ง ด้วยเนื้อร้องที่ลงตัวของเพลงรักที่งดงามฝีมือของยังก์ I am A Child ซึ่งถูกมองว่าเป็นต้นแบบเพลงป๊อปแบบคันทรี่-โฟล์คสุดเรียบง่าย แน่นอนว่าจะขาดเสียงเม้าท์ออแกนไม่ได้เลย แถมไปได้ดีกับคำร้องของการมองโลกในวัยเยาว์
(ตีพิมพ์ ในคอลัมน์ Yesterday revisited นสพ.กรุงเทพ Bizweek 24 ธ.ค. 2547)
คำถามที่ว่า แนวทางดนตรีสายร็อคแอนด์โรลของวงดังทุกวันนี้อย่าง Sonic Youth ถึง Son Volt นั้นมีต้นแบบมาจากไหนบ้างนั้น อาจจะทำให้ดูยากเกินคาดเดาสำหรับผู้ที่มาทีหลังของผู้คนในพอศอนี้ไปหน่อย
แต่ถ้าลองมองย้อนไปทีละสเต็ปหรือขั้นๆ สมมุติลองเปรียบเทียบกับระบบรากของต้นไม้ดูให้เริ่มตั้งแต่สองวงดนตรีข้างต้นเสมือนเป็นรากฝอยเลยก็จะได้ว่า เนื่องด้วยผลพวงหรือแรงบันดาลใจต่างๆนั้นมักมาจากวงดนตรีดังในอดีตยุค 70’s อย่างพญาอินทรี ดิ อีเกิ้ล ที่เหมือนกับอยู่ในระดับรากย่อยๆ หรือถ้ามองย้อนไปก่อนหน้านั้นอีกหน่อยก็มีวงในระดับตำนานอย่าง CSN, Poco, Loggins and Messina, Crazy Horse, CSNY ก็อาจแทนได้ดั่งรากแขนง
หรือให้มองอย่างเอาจริงเอาจังให้ไกลไปจนถึงระดับรากแก้วหลักๆเลยในช่วงยุค 60’s นั้น หนึ่งวงดนตรีในแนวทางดนตรีแบบเวสท์โคสท์, โฟล์ค-ร็อค ,คันทรี่-ร็อค นาม บัฟฟาโล สปริงก์ฟิลด์ (
เริ่มจากโต้โผใหญ่ สตีเฟน สติลส์ นักดนตรีครบเครื่องที่เล่นได้ทั้ง กีต้าร์ คีบอร์ด และกลอง ได้รวบรวมสมาชิกตั้งวงใหม่หลังจากที่เขาพลาดหวังจากการสมัครเข้าวง มังกี้ส์ (Monkees) ด้วยการพบกับ นีล ยังก์ และบรูซ พาล์เมอร์ สองหนุ่มนักกีต้าร์จากแคนาดา จึงชักชวนเหล่าเพื่อนพ้องมี ริชี่ ฟูเร่ย์ และนักกลองมืออาชีพ ดิวอี้ มาร์ติน มุ่งสู่แอลเอตั้งชื่อวงในครั้งแรกว่า เฮิร์ด (Herd) แล้วต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น บัฟฟาโล สปริงก์ฟิลด์
อัลบั้ม Retrospective :The Best of
For What It’s Worth เพลงแรกที่สร้างชื่อให้กับวงโดยขึ้นไปถึงอันดับ 7 บิลบอร์ดในปีที่ออกจำหน่าย ด้วยเสียงร้องประสานที่มีเสน่ห์ในเพลงที่กล่าวถึงความรุนแรงของตำรวจกับเด็กกับท่อนฮุคที่ว่า Stop, hey, what's that sound. Everybody look what's going down
Bluebird ที่โชว์เสียงโซโลกีต้าร์โฟล์คใสๆอย่างบาดใจช่วงกลางเพลง ซึ่งก็เป็นการประชันกันในทีของมือกีต้าร์สติลส์กับยังก์ บวกกับมีเสียงของเบนโจในตอนท้ายเพลง
Mr. Soul เพลงแสนคุ้นหูฝีมือของยังก์ ที่ใช้การลีดกีต้าร์ประสานผสมกับเสียงร้องกวนๆของเขา ที่นิตยสารโรลลิ่ง สโตน ชมไว้ว่า
ส่วนการที่บัฟฟาโล สปริงก์ฟิลด์มีอายุสั้นนั้น เกิดจากอีโก้ภายในของสองขั้วหลักของวงคือ สติลส์และยังก์ โดยแท้ แม้ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนมือเบสโดย จิม เมสซิน่า เข้ามาแทนที่บรูซ พาล์มเมอร์ ซึ่งลาออกไปขณะทำอัลบั้มที่สอง ก็ตาม เดิมทีในอัลบั้มชุดแรกของวงทั้งสติลส์และยังก์ช่วยกันแต่งเพลงคนละครึ่งอัลบั้ม พอมาชุดสองมีฟูเร่ย์ เข้ามาช่วยแต่งเพิ่มอีกแรง แต่ถึงชุดสุดท้ายยังก์ฝากผลงานทิ้งท้ายเพียงสองเพลงเท่านั้น เนื่องจากเขาต้องการแยกตัวออกเป็นศิลปินเดี่ยว
ส่วนคนอื่นๆนั้นหลังจากยุบวงได้แยกย้ายกันไปฟอร์มวงใหม่โดย สติลส์กลายเป็นวง ครอสบี้,สติลส์ แอนด์แนช ก่อนที่ยังก์จะมาร่วมแจมเข้าๆออกๆอีกหลายครั้ง รวมทั้งสติลส์ยังออกผลงานร่วมกับศิลปินอื่นๆอีกมากมาย ตามประสาคนแรงเหลือ
จิม เมสซินา และริชี่ ฟูเร่ย์ ไปตั้งวงชื่อ โฟโค ที่ประสบความสำเร็จในเวลาต่อมาจนเป็นต้นแบบของเพลงในแบบคันทรี่-บลูส์ แล้วเมสซินาก็ขยับขยายไปทำวง ล็อกกินส์ แอนด์ เมสซิน่า หลังจากนั้น
ส่วนยังก์ไปได้ดีกับโซโลศิลปินเดี่ยว โดยมีวงแบ๊กอัพคู่บุญชื่อ Crazy Horse และเริ่มสร้างตำนานอันยาวนานของเขา มีเพียงมือกลอง ดิวอี้ มาร์ติน ที่ไม่ประสบความสำเร็จในเส้นทางดนตรีเท่าที่ควร
แต่สิ่งที่น่าแปลกใจคือ สติลส์และยังก์ที่มีความระหองระแหงกันอยู่ก่อนแล้ว ทั้งคู่ต่างเป็นคนเก่งในการเล่นกีต้าร์และแต่งเพลงแบบไม่ต้องพึ่งพากันและกันเลย กับได้มาร่วมวงกันอีกบ่อยครั้งทั้งกับวงคันทรี่-ร็อคชื่อดังอย่าง ครอสบี้,สติลส์, แนช แอนด์ยังก์ หรือเฉพาะเพียงทั้งคู่ในนาม สติลส-ยังก์ แบนด์ ที่มีผลงานออกมาเพียงชุดเดียวในปี 1976 ซึ่งได้รับคำวิจารณ์ว่ายังเล่นกันแบบทางใครทางมันอยู่ดี
จะเห็นได้ว่าเส้นทางดนตรีของสมาชิกวง บัฟฟาโล สปริงก์ฟิลด์ นั้นก่อให้เกิดวงดนตรีในแนวทางใกล้เคียงกันที่ทำให้เกิดกลุ่มก้อนในระดับตำนานเพลงตั้งแต่ สายร็อคแอนด์โรล์ แตกสาขาไปหาดนตรีอื่นในแบบเวสท์โคสท์ ,โฟล์ค-ร็อค,คันทรี่-ร็อคและเอซิด-ร็อค ก่อนย่างเข้าสู่ยุคบุปผาชนในช่วงถัดมา
นิตยสารคิวในเดือนกุมภาพันธ์ 1971
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่วงดนตรีซึ่งมีอายุสั้นเพียงสามปีกับผลงานเพียงสามอัลบั้มวงนี้จะถูกประกาศชื่อจัดขึ้นทำเนียบให้อยู่ใน ฮอลล์ ออฟ เฟม สาขาร็อคแอนด์โรล์ วงหนึ่งเช่นกัน
หมายเหตุ อ้างอิงข้อมูลจาก บทเพลงของดอกไม้, สิเหร่, สนพ.สุขภาพใจ, 2544 และสามารถฟังเพลงตัวอย่างอัลบั้มชุดนี้ได้ที่ http://musicstore.real.com/music_store/album?artistid=18147&albumid=456598&filter=y&sort=rd&from=disc
There's something happening here
มีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้นที่นี่ ที่แห่งนี้
What it is ain't exactly clear
มันเป็นอะไรที่แบบว่า...คลุมเครือ ไม่ค่อยชัดเจนและแน่นอน
There's a man with a gun over there
มีผู้ชายคนนึงพร้อมกับปืนคู่ใจอยู่ตรงโน้นโน่น
Tellin' me I got to beware
เหมือนกำลังจะบอกฉั้นว่าระวังตัวไว้ให้ดีๆ
I think it's time we stop, children, what's that sound
ฉันคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราควรหยุด,พวกเด็ก,แล้วนั่นมันเสียงอะไร?
Everybody look what's going down
ทุกคนมองดูถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น
There's battle lines being drawn
มีเส้นแนวรบที่ถูกเขียนขึ้นเพื่อปิดกั้นเราไว้
Nobody's right if everybody's wrong
คงจะไม่มีใครถูกต้องหรอกถ้าเกิดว่าทุกๆคนนั้นผิด
Young people speaking their minds
คนหนุ่มคนสาวกำลังบอกความในใจของพวกเขา
Gettin' so much resistance from behind
ถูกกระทำชำเราอย่างหนักจากด้านหลัง
I think it's time we stop, children,What's that sound?
ฉันคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราควรหยุด,พวกเด็ก,แล้วนั่นมันเสียงอะไร?
Everybody look what's going down
ทุกคนมองดูถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น
What a field day for the heat
ช่างเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขแทนความรุนแรง?
A thousand people in the street
คนนับพันบนท้องถนน
Singing songs and carrying signs
กำลังร้องเพลงและแบกรับความเจ็บปวดนั้นไว้
Mostly saying "Hooray for our side"
ส่วนใหญ่่ก็พูดด้วยว่า "ไชโย" ทางฝั่งของพวกเขา
It's time we stop,hey, what's that sound?
มันถึงเวลาแล้วที่พวกเราควรหยุด,แต่ว่า เฮ้!,แล้วนั่นมันเสียงอะไรกันวะเนี่ย?
Everybody look what's going down
ทุกคนมองดูถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น
Paranoia strikes deep
ความหวาดระแวงทำลายความรู้สึกส่วนลึก
Into your life it will creep
เข้าไปสู่ชีวิตของเธอและมันจะค่อยๆเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ
It starts when you're always afraid
มันเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาเมื่อตอนเธอมีความรู้สึกกลัว
You step out of line the man come and take you away
เธอก้าวออกมาจากวิถีทางเหล่านั้น,ชายคนหนึ่งก็มาและพาเธอจากไปไกลแสนไกล
You better stop, hey, whats that sound?
เธอหยุดเสียจะดีกว่า แต่ว่า "เฮ้" นั่นมันเสียงอะไรกันว่ะเนี่ย?
Everybody look what's goin' down
ทุกคนมองดูถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น
Stop, hey, what's that sound
หยุด,"เฮ้!",แล้วนั่นมันเสียงอะไร?
Everybody look what's going down
ทุกคนมองดูถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น
Stop, now, what's that sound
หยุดซะ,ตอนนี้เลย,แล้วนั่นมันเสียงอะไร?
Everybody look what's going down
ทุกคนมองดูถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น
Stop, children, what's that sound
พอที,พวกเด็กๆ,แล้วนั่นมันเสียงอะไรกันอีกวะเนี่ย?
Everybody look what's going down
ทุกคนมองดูถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น