ตำนานคำอเมริกัน : Baby Boomers รุ่น “ทารกคนลูกดก”

     Baby Boomers เป็นคำที่ใช้เรียกคนที่เกิดรุ่นหลังจากสงครามโลกครั้งที่สองสงบลงแล้ว ซึ่งรวมผู้ที่เกิดระหว่างปี 1946 ถึง 1964 โดยที่หลังสงครามโลกครั้งนั้นมีทารกแห่กันมาเกิดมากมายจนทำลายสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1910 เป็นต้นมา นักสังคมศาสตร์ตั้งข้อสังเกตว่า ประการแรกสงครามโลกครั้งนี้ยาวนานถึง 6 ปี เมื่อทหารผ่านศึกกลับจากการรบยืดเยื้อมาถึงบ้าน ย่อมต้องมีการให้ความรักแก่ภริยาชดเชยเวลาที่เสียไปเป็นธรรมดา แต่สาเหตุประการสำคัญน่าจะมาจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น


     แม้ผลกระทบทางเศรษฐกิจโดยตรงจะไม่รุนแรงแผ่ไปทั่วโลกเหมือนภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในช่วงปี 1929-1941 แต่ภาวะการว่างงานทั่วทุกหัวระแหงในอเมริกาทำให้เกิดปรากฏการณ์สำคัญยิ่งอันหนึ่ง ถึงขนาดถือเป็นหลักเขตประวัติศาสตร์โลกหลักหนึ่งซึ่งเรียกว่ายุค Baby Boomers นั่นคือกำเนิดทารกขนานใหญ่ที่เริ่มต้นในสหรัฐอเมริกา อันเป็นแหล่งเริ่มต้นที่ทารกแข่งขันเกิดเนื่องจากพ่อแม่ไม่มีงานทำ แล้วลามไปยุโรปและญี่ปุ่นในเวลาต่อมา การมีประชากรทารกแรกเกิดถึง 76 ล้านคนเฉพาะในสหรัฐอเมริการเพียงประเทศเดียว ย่อมไม่อาจปฏิเสธอิทธิพลของประชากรกลุ่มมหึมานี้ได้ Baby Boomers จึงมีส่วนกำหนดพฤติกรรมต่างๆในสังคมอเมริกันและประเทศตะวันตกตลอดมานับแต่แรกเกิด เนื่องจากคุณลักษณะต่างๆทางประชากรศาสตร์, เศรษฐกิจและวัฒนธรรมในสังคมเริ่มแปรเปลี่ยนไปตามวัยของประชากรกลุ่ม Baby Boomers ที่โตขึ้นเรื่อยมา ซึ่งทำให้รูปกราฟประชากรโย้ตามวัยของคนกลุ่มนี้ด้วยปรากฏการณ์น่าตื่นตาตื่นใจที่เกิดขึ้นในยุคที่ Baby Boomers เติบโตขึ้นมาล้วนเป็นเรื่องราวที่กล่าวขานกันได้ไม่สิ้นสุด นับแต่สินค้าประเภทผ้าอ้อมใช้ครั้งเดียวทิ้งเลย, อาหารเด็กอ่อนบรรจุขวด, อาหารเสริม, ผลิตภัณฑ์และบริการสารพัดอย่าง (บริการทางการเงิน, แผนการออม, ประกันชีวิต, ประกันภัย, การศึกษา, ฯลฯ) เริ่มผุดขึ้นมาในตลาดเพื่อรองรับความต้องการมหาศาลของผู้เป็นพ่อแม่ของประชากรกลุ่มใหญ่นี้ และยังเฝ้าเกาะตามติดประชากรกลุ่ม Baby Boomers ผู้กลายมาเป็นผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อมหาศาลในปัจจุบัน ขณะที่ผู้เขียน (Baby Boomers คนหนึ่ง) ยังพอค้นคว้าโดยอาศัยความทรงจำเป็นแนวทางได้ก็ขอกล่าวถึงหลักเขตประวัติศาสตร์ของรุ่นทารกคนลูกดกที่สำคัญยิ่งเพื่อให้ชนรุ่นลูกของ Baby Boomers ได้ทราบเป็นข้อสนทนากับพ่อ-แม่ของตนพอสังเขป เนื่องจากเป็นช่วงประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าหนึ่งเท่าอายุคน


กำเนิดโทรทัศน์

     ในปี 1931 อังกฤษ, ยุโรป, สหภาพโซเวียต และสหรัฐเริ่มมีขีดความสามารถจะแพร่ภาพโทรทัศน์ได้ ในเดือนพฤศจิกายน 1937 BBC (Britiish Broadcasting Corporation) ของอังกฤษเริ่มแพร่ภาพครั้งแรกด้วยการถ่ายทอดสดขบวนพิธีราชาภิเษกของกษัตริย์ (ที่หก) จากสวน Hyde Park ขณะที่สหรัฐรอจนกระทั่งวันที่ 30 เมษายน 1939 จึงประเดิมด้วยการถ่ายทอดพิธีเปิดมหกรรมโลก (the New York World ’s Fair) ด้วยเครือข่ายโทรทัศน์ NBC ( the National Broadcasting Company)


เข้าสู่ยุคอิเล็คทรอนิกส์

     ต้นทศวรรษที่ 1960 อเมริกาเริ่มมีเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็คทรอนิกส์ เตาอบไมโครเวฟ และอื่นๆ หลังจากนักฟิสิกส์สองคนคือ Jack Kilby (เกิด 1923) นักวิจัยของบริษัท Texas Instruments ประดิษฐ์แผนวงจรรวม (integrated circuits: IC) ได้สำเร็จในปี 1958 และไม่กี่เดือนต่อมา Robert Noyce (1927-1990) จากบริษัท Fairchild Semiconductor (ผู้ก่อตั้ง Intel Corporation และเป็นประธานบริษัท Sematech ตั้งแต่ 1988) ก็ออกแบบ IC ทำจากแผ่นแร่ซิลิก้า อันเป็นจุดกำเนิดของเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ในทศวรรษ 1980


เปิดพรมแดนอวกาศ

     John F. Kennedy (1917-1963) ประธานาธิบดีคนที่ 35 เรียกยุคของท่านว่ายุคพิชิตพรมแดนใหม่ ฉะนั้นในช่วงเพียงสามปีที่ท่านบริหารประเทศจึงได้เปิดพรมแดนอวกาศออกไปอย่างน่าตื่นใจ มนุษย์เริ่มโคจรในอวกาศเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 1961 หลังจากรัสเซียส่งสุนัขขึ้นไปก่อนหน้านั้น โดยอเมริกันส่ง Alan B. Shepard, Jr. (เกิด 1923) จากกองทัพเรือผู้ทำการบินในสงครามโลกครั้งที่สองและสงครามเกาหลี ขึ้นไปเป็นคนแรกที่โคจรเกือบรอบโลกในการบินเดี่ยวบนยานอวกาศ Mercury สูงจากโลก 115 ไมล์ เขาได้เป็นพลเรือในปี 1971 และลาออกไปทำธุรกิจเมื่อ 1974

     เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 1962 John Hersehel Glenn, Jr. (เกิด 1921) จากกองทัพนาวิกโยธิน เป็นคนแรกที่โคจรรรอบโลกสามรอบเป็นเวลา 4 ชั่วโมง 55 นาที บนยาน Friendship 7 ( Mercury 6) เขาลาออกจาก องค์การบริหารกิจการอวกาศแห่งชาติ ในปี 1964 และได้รับเลือกตั้งเป็นวุฒิสมาชิกจากรัฐ Ohio ตั้งแต่ปี 1974 เขากลับขึ้นสู่อวกาศอีกครั้งด้วยวัย 77 ปี (นักบินอวกาศอายุมากที่สุดในโลก) ในเดือนพฤศจิกายน 1998

     และแล้วเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 1969 ผู้คนทั่วโลกก็เป็นสักขีพยานชมการถ่ายทอดสดผ่านดาวเทียมเป็นครั้งแรกในโลก (ยุคโทรทัศน์ขาว-ดำ) เห็นมนุษย์เหยียบบนดวงจันทร์เป็นครั้งแรก Neil Alden Armstrong (เกิด 5 สิงหาคม 1930) ผู้บังคับการ Apollo 11 หลังจากโคจรในอวกาศพร้อมด้วย Edwin E. Aldrin, Jr. และ Michael Collins มาตั้งแต่ 16 กรกฎาคม นีล อาร์มสตร็อง ก็แยกตัวไปกับยาน แล้วก้าวอออกไปเหยียบพื้นผิวดวงจันทร์ที่ปกคลุมด้วยฝุ่น เขาพูดขณะกระโดดลงบนพื้นบนผิวดวงจันทร์ว่า “นั่นเป็นก้าวเล็กๆของชายคนหนึ่ง เป็นก้าวกระโดดอันยิ่งใหญ่สำหรับมวลมนุษยชาติ คณะของเขาใช้เวลาเก็บหินและดินตัวอย่าง อีกทั้งถ่ายรูปและติดตั้งอุปกรณ์ทดลองวิทยาศาสตร์อยู่นาน 21 ชั่วโมง 37 นาที ยานอวกาศ Apollo 11 กลับถึงโลกที่มหาสมุทรแปซิฟิกเมื่อ 24 กรกฎาคม 1969


ยุคเพลงร็อค

     กลางทศวรรษ 1950 เกิดดนตรีพันธุ์ใหม่จังหวะเต้นและเขย่าเร้าใจเรียกกันว่า rock ‘n’ roll โดยนักดนตรีวัยรุ่นผู้ฉีกแนวไปจากดนตรีมาตรฐาน ( standard) และ American Jazz and Blues ทำให้วัยรุ่นคลั่งไคล้แต่พ่อแม่กลุ้มใจด้วยเหตุนี้ดนตรีร็อคจึงเป็นสัญลักษณ์ของการดื้อแพ่งต่อผู้ใหญ่และเป็นดนตรีต่อต้านสงครามเวียดนามในเวลาต่อมา

     ในปี 1955 แผ่นเสียงเพลง Rock Around the Clock ของ Bill Haley and the Comets และเพลงดวลกีตาร์เร้าใจของ Chuck Berry ต่างขายได้เกินล้านแผ่น แต่ในปี 1956 Elvis Presley ราชาเพลงร็อคที่มีลีลา “โยกและคลึงเป้ากางเกง” ก็กลายเป็นดารานักร้องและดาราภาพยนตร์ค่าตัวสูงสุด ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถได้เสด็จเยี่ยมกองถ่ายหนังเรื่อง G.I. Blues ของเอลวิส เมื่อคราวเสด็จประพาสสหรัฐอเมริกาในสมัยประธานาธิบดีไอ๊เซ่นฮาว (1960) ในยุคนี้เองที่เกิดการรุกรานของวงดนตรีร็อคจากประเทศอังกฤษ เมื่อวงดนตรี The Beatles และ The Rolling Stones ข้ามไปหากินในอเมริกา

1962 : เกิดวิกฤติการณ์ที่หวุดหวิดจะเป็นสงครามระเบิดนิวเคลียร์ เมื่อคิวบาซึ่งได้รับการหนุนหลังจากสหภาโซเวียตขู่จะยิงจรวดใส่อเมริกา แต่สหประชาชาติขอให้โซเวียตถอนหัวรบนิวเคลียร์ออกไป

1963 March on Washington : คนอเมริกันผิวดำ 250,000 คนเดินขบวนจากรัฐทางภาคใต้ไปกรุงวอชิงตัน Dr. Martin Luther King Jr. (1929-1968 ถูกลอบสังหาร) กล่าวปราศรัยที่บันไดอนุสรณ์สถานประธานาธิบดีคนที่ 36 (1963-1969) ก็ขอให้รัฐสภาผ่านกฎหมายสิทธิพลเมืองบัญญัติห้ามการเลือกปฏิบัติต่อคนผิวดำในการเลือกตั้ง, สิทธิใช้สาธาณูปโภคและสถานที่ทำการต่างๆ, การจ้างงาน,

     อีกทั้งให้รัฐมนตรียุติธรรมสั่งตัดงบประมาณหน่วยงานรัฐบาลที่เลือกปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคนผิวดำ ทั้งยังมีผลให้ได้บทแก้ไขฉบับที่ 24 ของรัฐธรรมนูญห้ามเก็บภาษีการใช้สิทธิเลือกตั้งอันไม่เป็นธรรมเนื่องจากเก็บเป็นรายหัวโดยไม่คำนึงถึงรายได้ของแต่ละคน

22 พฤศจิกายน 1963 ประธานาธิบดี Kennedy ถูกลอบสังหารในนคร Dallas , Texas ตำรวจจับผู้ต้องสงสัยได้คือ Lee Harvey Oswald วัย 24 ปี ผู้นิยมลัทธิมาร์กซิสต์และนิยมฟิเดล คาสโตร (ผู้นำคิวบา) แต่ไม่ทันพิสูจน์ว่าเขาทำการโดยลำพังหรือมีขบวนการอยู่เบื้องหลัง เพราะสองวันต่อมาก็ถูก Jack Ruby (Rubenstein) เจ้าของบาร์ในดัลลัสบุกยิงตายต่อหน้าตำรวจขณะย้ายที่คุมขัง


มหกรรมดนตรี Woodstock และการต่อต้านสงคราม

     “วู้ดสต๊อก” มหกรรมดนตรียิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติการณ์ดนตรีร็อคของบุปผาชนรุ่นลุง-ป้า-น้า-อา ผู้ชูคำขวัญ “Make Peace No War” ระหว่างวันที่ 15-17 สิงหาคม 1969 มีวัยรุ่นกว่าสี่แสนคนไปชุมนุมฟังเพลงเคล้ากลิ่นกัญชาที่ทุ่งโล่งนอกเมือง Bethel รัฐ New York โดยมีนักร้องชื่อดัง Joan Baez Jimi Hendrix คณะ Jefferson Airplane the Grateful Dead แต่ท่ามกลางกระแสหลีกหนีปัญหาสังคมด้วยการเข้าหายาเสพติดและดนตรีร็อคของคนกลุ่มหนึ่ง ก็มีผู้รณรงค์ในมหาวิทยาลัยทั่วอเมริกาต่อต้านสงครามเวียดนาม โดยเฉพาะในปี 1970 ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย – Berkeley และ Kent State University (รัฐ Ohio) มีการปะทะถึงขั้นเสียชีวิต ปีต่อมาบทแก้ไขฉบับที่ 26 ของรัฐธรรมนูญก็บัญญัติให้อเมริกันอายุ 18 ปีมีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งพร้อมกับผู้ชายวัย 18 ปีต้องถูกเกณฑ์ทหารเพื่อส่งไปรบในเวียดนาม ทำให้มีการหนีทหารครั้งใหญ่โดยส่วนใหญ่ข้ามแดนไปแคนาดา

__________________________________________

ที่มา: http://www.formumandme.com/article.php?a=985