วันก่อนผมไปงานแต่งงานอดีตกิ๊ก
(ที่ไม่ได้แปลว่าชู้ . . . แต่เป็นคนที่มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน)
เราเคยไม่ได้เจอกันมาเกือบปีจากการเจอกันครั้งสุดท้าย . . .
ด้วยเหตุผลอะไรไม่รู้ แต่ผมพยายามนึกเองว่าเป็นเพราะงานเยอะ
ไม่มีเวลา . . . ที่ทำให้เราห่าง ๆ กันไป
ผมยังจำได้
วันที่เราเจอกันครั้งแรก
ผมไปหาเพื่อนที่คณะของเธอ
เราอยู่สถาบันเดียวกัน แต่คนละฝั่งถนน
ผมเห็นเธอเล่นกับหมาสกปรก ๆ ตัวนึง
ภาพนั้นยังชัดเจนอยู่เลย
ผู้หญิงผมยาว หน้าตาน่ารัก เล่นกับหมามอมแมม
เธอเอาลูกชิ้นปิ้งมาให้น้องหมากิน
ลูบหัวลูบหูมันแบบไม่รังเกียจ
ผมไม่เคยจีบผู้หญิง จีบไม่เป็นด้วย แต่ผมขอให้เพื่อนแนะนำเธอให้รู้จัก
แสดงให้เห็นว่าผมสนใจเธอ ไม่รู้เรียกว่าจีบหรือเปล่า
เราคุยกันถูกคอเรื่องหมา เรื่องหนัง เรื่องเพลง เรื่องนินทาเพื่อนของเรา
และเรื่องการเรียนที่เธอสนใจการเรียนของคณะผม
และผมสนใจการเรียนคณะเธอซึ่งเป็นคนละสาย
ความสัมพันธ์ก่อตัว . . . เราอาจจะเป็นมากกว่าเพื่อน
แต่ก็ไม่รู้จะใช้คำว่าแฟนได้ไหม
เราไปกินข้าวด้วยกันทุกวัน ผมเดินไปส่งเธอที่ป้ายรถเมล์ทุกเย็น
เราโทร.คุยกันบ่อย ๆ ถึงจะไม่บ่อยมาก
วันหยุดเรานัดไปดูหนังด้วยกัน ผมถือของให้เวลาเธอไปชอปปิ้ง
แต่เราไม่เคยบอกว่าต่างคนต่างรู้สึกยังไง
ไม่เคยบอกใครและไม่เคยบอกกันว่าตกลงเราเป็นแฟนกัน
ไม่เคยมีคำพูดหวานๆ หรือการกระทำที่มันพิเศษมากไปกว่านี้
จนเราเรียนจบ . . .
พอเริ่มทำงาน . . . สังคมก็เริ่มเปลี่ยน
เวลาและความวุ่นวายหน้าที่การงานทำให้ความกระตือรือล้นที่จะเจอกันน้อยลง
ความถี่ในการโทรหากันห่างขึ้นเรื่อย ๆ
จนแทบจำไม่ได้ ว่าครั้งสุดท้ายที่เราเจอกัน กินข้าวกัน ดูหนังด้วยกัน
และโทรศัพท์คุยกัน คือ เมื่อไหร่
ผมไม่คิดถึงเธอหรือเปล่า . . . ก็ไม่เชิง
เพียงแต่มันมีเรื่องอื่นให้คิดมากกว่า จนเหมือนหลง ๆ ลืม ๆ เธอไป . . .
เรามาเจอกันอีกทีตอนงานแต่งงานเพื่อนคนที่แนะนำให้เรารู้จักกัน
หลังจากเรียนจบหลายปี เรายังคุยกันเหมือนเดิม แต่เหมือนระยะห่างมากขึ้น
เราไม่ถามกันว่าแต่ละคนหายไปไหนมา
ถามแต่ว่ากำลังทำงานอะไรอยู่ เป็นไงบ้าง
แล้วเราก็ห่างหายกันไปอีกครั้ง . . . แล้ววันนึง . . . เธอก็โทรมาหาผม
บอกว่ากำลังจะแต่งงาน กับชาวต่างชาติ ที่ทำงานที่เดียวกันกับเธอ
ผมบอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง
เราห่างกันจนผมไม่ควรจะหวงเธอแล้ว . . .
แต่ผมก็รู้สึกใจหาย
มันรู้สึกแปลก ๆ เหงา ๆ หัวใจหวิว ๆ ยังไงไม่รู้
ผมไปงานแต่งงานของเธอ . . .
บอกตรงๆ ว่าตอนอยู่ในงาน
ผมนึกในใจว่าทำไมผู้ชายที่ยืนข้างเธอไม่ใช่ผม
แต่วันนั้นผมก็ได้แสดงความยินดีกับเธอไปอย่างเต็มใจ
. . . . . .
เมื่อคืน
เธอโทรมาหาผม . . .
เราคุยกันมากขึ้นกว่าตอนที่ห่างหาย
ที่จริงผมเริ่มทำใจได้บ้างแล้วล่ะ
ก็เลยแกล้งบอกเธอไปว่า . . . เนี่ย พอบีแต่งงานไปโอเลยไม่รู้จะแต่งกับใคร
เธอหัวเราะ ถามว่า นี่โออยากแต่งงานกับบีด้วยเหรอ นึกว่าไม่อยาก
ผมก็ อ้าว ทำไมล่ะ โอดูไม่ชอบบีเหรอ
เธอนิ่งไปแป๊บนึง แล้วก็ถามแบบเสียงซีเรียสว่า . . .
ถามจริงเถอะ บีอยากรู้มานานแล้ว ว่าที่ผ่านมาโอคิดยังไงกับบี
ผมถามย้อนกลับว่าที่เราไปกินข้าว ดูหนัง กันเนี่ย
มันไม่ได้หมายความว่าชอบเหรอ ไม่เคยทำแบบนี้กับใครเลยนะ
จากนั้นผมถึงได้รู้ว่า เธอรู้สึกไม่เข้าใจว่าผมคิดไงมาตลอด
เพราะเราไปไหนมาไหนด้วยกันทุกวัน คุยกันทุกวัน
แต่ผมไม่เคยมีอะไรหวานๆ ไม่เคยแสดงความห่วงใยเป็นพิเศษ
ไม่เคยบอกว่าชอบเธอ ไม่รู้ว่าเราเป็นแฟน . . . หรือเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก
ซึ่งสิ่งที่เธออยากรู้คือผมชอบเธอระดับไหนแค่คนควงเล่นหรือมากกว่านั้น
(ผมดูเหมือนคนคบผู้หญิงไว้ควงเล่นขนาดนั้นเลยเหรอ . . .)
เพราะเป็นผู้หญิง . . . ทำให้เธอไม่เคยกล้าถาม
แต่ วันนี้ถามฐานะ เพื่อนเก่า
ตอนนั้นผมเองก็ไม่ได้พูด เพราะพูดไม่เป็น
แล้วก็ไม่นึกว่าผู้หญิงจะต้องการการแสดงออกที่ชัดเจนมากกว่านี้
ยิ่งพอเรียนจบ ผมเหมือนหายไปเลย . . . ไม่ค่อยได้ติดต่อกัน
ผมรู้สึกเหมือนกับว่า หัวข้อการคุยหลังจากนั้น
คือ เราต่างเสียดายที่เราไม่เปิดเผยความรู้สึกให้อีกฝ่ายมากกว่านี้ในตอนนั้น
ถึงเราจะคุยกันเหมือนเป็นเรื่องน่าขำ . . .
หลังจากวางสาย . . .
ผมรู้สึกเหงา ๆ หวิว ๆ ยิ่งกว่าตอนที่รู้ว่าเธอจะแต่งงาน
มันเหมือนอะไรบางอย่างที่เราควรจะรักษาไว้ แต่กลับรักษาไม่ได้
แล้วตอนนี้มันก็สายเกินไปที่จะเรียกกลับมา
ก็หวังว่าความเหงาแบบนี้มันคงจะผ่านไป . . .
ไม่กี่วันหลังงาน ผมได้รูปแต่งงานของเธอมา
(ผมขอรูปเจ้าสาวที่เธอไปถ่ายติดหน้างานไว้)
ผมดูแล้วก็ยิ้ม ๆ ทุกครั้ง
ใช่ครับ . . . ถึงมันจะเศร้า แต่อย่างน้อยเธอก็เป็นความทรงจำที่ดี
ตอนที่ผมเห็นรูปนี้ครั้งแรก ผมไม่เคยฝันว่างานแต่งงานผมจะเป็นไง . . .
เจ้าสาวผมจะเป็นใคร หน้าตาแบบไหน
ไม่เคยคิดด้วยซ้ำ . . .ว่าตัวเองจะแต่งงานหรือเปล่า
แต่รูปถ่ายผู้หญิงปล่อยผมยาว ยิ้มกว้าง แต่งหน้าอ่อนๆ
ใส่ชุดสีขาวสบายๆริมสระน้ำ . . . ทัดดอกไม้สีขาวที่หู รูปนี้
ผมรู้สึกเสียดายจริง ๆ ที่เธอไม่ใช่เจ้าสาวของผม ไม่ได้ใส่ชุดนี้เพื่อผม
ในแต่งงานของเธอ ทุกครั้งที่มองเธอ
ผมถามตัวเองตลอด . . ว่าทำไมผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างเธอวันนี้ไม่ใช่ผม
แต่คำตอบของสิ่งที่ผมถามตัวเอง . . . ผมก็รู้ว่าเพราะอะไร
เหตุการณ์นี้คงเป็นบทเรียนนะครับ
ซึ่งไม่รู้ผมจะมีโอกาสได้แก้ตัวอีกหรือเปล่า
เรื่องของคนที่ไม่ชัดเจน ไม่สม่ำเสมอ และเข้าใจยาก อย่างผม
อยากเอามาเล่าสู่กันฟัง
ไม่อยากให้เกิดกับใคร . . .
ใครที่ยังมีสิ่งที่ตัวเองหลงลืม ลองย้อนหันกลับไปมอง
และเอาใจใส่ให้ความสำคัญกับสิ่งนั้นอีกนิดนะครับ
จะได้ไม่ต้องมานึกเสียดายทีหลัง . . . ถ้าสิ่งนั้นพลาด หรือหลุดลอยไป
หรือถ้าพลาด อย่างน้อยก็ยังรู้สึกว่าได้ทำเต็มที่แล้ว
ไม่ใช่พลาด เพราะปล่อยปละละเลย
อย่าลืมนะครับ . . . ขอย้ำอีกทีว่า
+ + ค ว า ม รั ก ต้ อ ง ก า ร ค ว า ม ชั ด เ จ น แ ล ะ ส ม่ำ เ ส ม อ + +
P.s ขอขอบคุณบทความจาก ความรักดอทคอม
โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน ( ใครเคยอ่านมาแล้วขอโทษด้วยละกัน )
ค ว า ม รั ก ต้ อ ง ก า ร ค ว า ม ชั ด เ จ น แ ล ะ ส ม่ำ เ ส ม อ
หน้าแรกTeeNee เรื่องฮิตนิยมส่งต่อ อื่นๆไม่เข้าพวก ค ว า ม รั ก ต้ อ ง ก า ร ค ว า ม ชั ด เ จ น แ ล ะ ส ม่ำ เ ส ม อ
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!