ปัจจุบันพิซซ่ากลายเป็นอาหารที่ทุกคนทั่วโลกรู้จัก
แต่ประวัติของมันนั้นนับถอยหลังกลับไปได้เป็นพันปีเลยทีเดียว
หลักฐานทางโบราณคดีพบว่าชาว อียิปต์ กรีก และโรมัน
รัปทานอาหารที่มีลักษณะคล้ายพิซซ่า
ประเพณีของชาวอียิปต์โบราณนั้น
จะฉลองวันพระราชสมภพของฟาโรห์ด้วยขนมปังแบน ปรุงด้วยเครื่องเทศ
นักปราชญ์กรีกชื่อ Herodotus
ก็ได้บันทึกตำรากับข้าวของชาวบาบิโลนเนียที่คล้ายคลึงกับพิซซ่าไว้ด้วยเช่นกัน
เป็นที่เชื่อกันว่าพิซซ่านั้นน่าจะมีต้นกำเนิดมาจากเมืองทางตอนกลางของอิตาลีที่ชื่อว่า
เนเปิล (นาโปลี)
ในช่วงก่อนสมัยเรเนซองก์
เริ่มแรกนั้นเป็นอาหารของคนยากจนซึ่งใส่พวกเครื่องเทศตามที่แต่จะหาได้
ส่วนที่อร่อยที่สุดของพิซซ่าคือหน้าของมันนั้น ไม่ได้กำเนิดมาจากอิตาลี ...
(แต่แน่นอนไม่ได้มาจากนิวยอร์ค)
(Mozzarella)
เนยเข็งหรือ cheese ที่นิยมใช้กันคือ
มาสซาเรล่า (Mozzarella) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากนมไอ้ทุยบ้านเรา
ชาวอินเดียทำ Mozzarella จากนมของ water buffalo (กระบือหรือพี่ทุย)
มาตั้งแต่ศัตวรรษที่ 7 โน้นแล้ว
ก่อนนำเข้ามายังอิตาลีในคริสต์ศัตวรรษที่ 18
เครื่องปรุงอีกอย่างที่ขาดไม่ได้สำหรับพิซซ่าและอาหารฝรั่งอื่นๆก็คือ
มะเขือเทศ
มะเขือเทศนั้นไม่ได้มีต้นกำเนิดมาจากยุโรปหรือเอเชียแต่มาจากทวีปอเมริกา
ชาวยุโรปนำเข้ามาจากแม็กซิโก
และเปรูในสมัยศตวรรษที่ 16
แรกเริ่มเดิมทีนั้นคิดว่าเป็นผลไม้ที่มีพิษ
อาจจะเป็นเพราะมีสีแดงก็ไม่ทราบได้
แต่หลังจากที่พิสูจน์มากินได้แล้ว
(พิสูจน์อย่างไรก็ไม่ทราบเหมือนกัน) มะเขือเทศก็ได้รับความนิยมไปทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย
คำว่าพิซซ่า หรือ Pizza
ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้สันนิฐานว่ามาจากคำลาตินที่ว่า picea
ซึ่งชาวโรมันใช้สำหรับเรียก ขนมปังอบ
คำว่าพิซซ่าที่สะกดเหมือนในปัจจุบันนี้่เริ่มใช้มาตั้งแต่สมัยกลาง (Middle
Ages)บ้างแล้ว
สำหรับคนที่ทำให้พิซซ่ามีชื่อเสียงโดงดังก็คงจะเป็นนาย ราฟาเอล เอสโปสิโต
(Rafaele Esposito)
ซึ่งทำพิซซาถวายพระราชาใน King Umberto I และ
Queen Margherita ปี 1889
เรื่องมีอยู่ว่าพระราชินีทรงออกเยียมชาวบ้านแถวๆเมืองเนเปิล
นายเอสโปสิโตอยากถวายความจงรักภักดีเลยทำพิซซาถวายโดยใส่สัญลักษณ์ของธงชาติอิตาลีเข้าไปด้วย
พี่แกใช้ มะเขือเทศ Mozzarella และใบโหระพา (basil) แทนสี แดง ขาว และเขียว
บนธงชาติของอิตาลี
Queen Margherita ทรงโปรดปราณมาก
ผลก็คือพิซซาดังกล่าวเป็นที่นิยมกันไปทั่วโลก ซึ่งรู้จักกันในชื่อ
.... Pizza Margherita ....
เมืองเนเปิลนั้นเป็นถิ่นกำเนิดของพิซซ่ามาตั้งแต่ศตวรรษที่17
และกลายมาเป็นอาหารจานด่วนในศตวรรษที่ 19
สำหรับร้าน pizzeria
ร้านแรกของโลกก่อตั้งเมื่อปี 1830 มีชื่อว่า "Antica Pizzeria
Port'Alba" และยังขายอยู่ในปัจจุบัน
ร้านที่นายเอสโปสิโตเคยอาศัยอยู่เมื่อ 200 กว่าปีมาแล้ว
ปัจจุบันก็ยังเปิดขายอยู่ชื่อว่าร้าน Pizzeria Brandi
ว่ากันว่าภายในร้านยังมีคำขอบคุณจากราชสำนักตั้งโชว์อยู่ด้วย
นาย Gennaro Lombardi เปิดร้าน pizzeria ร้านแรกในนิวยอร์คราวๆปี
1895
ส่วนพิซซ่าในอเมริกานั้นรับมาจากชาวอิตาลีที่อพยบไปตั้งหลักแหล่งในสมัยศตวรรษที่
19
กว่าจะมาเป็นพิซซ่า...
กาลครั้งหนึ่งในสมัยกรุงโรมโน้น ได้มีผู้ค้นพบหลักฐานบันทึกว่า ..
"มีแป้งแผ่นกลมๆบางๆปรุงด้วยน้ำมะกอก สมุนไพร น้ำผึ้ง วางบนหินร้อน สักพักก็สุก"
สมัยนั้นเรียกกันว่า Placenta กาลต่อมาในปีค.ศ.79 นักโบราณคดีพบว่ามีร้านขายพิซซ่าอยู่ที่เมืองปอมเปอี ที่เคยถูกภูเขาไฟระเบิดพ่นลาวาทับทั้งเมือง
เวลาผ่านไป(เมื่อประมาณ 200 ปีที่ผ่านมานี้) เมืองนาโปลี ได้กลายเป็นต้นกำเนิดของพิซซ่าสมัยใหม่ โดยมีร้านพิซซ่าแห่งแรกชื่อพอร์ต อัลบ้า (Port’ Alba)
และก็มีอีกหลายๆร้านเปิดตามมา พิซซ่าชาวนาโปลีจะอบในเตาที่ก่อด้วยหิน
จากภูเขาไฟเวซุเวียส เนื่องจากกระจายความร้อนได้สม่ำเสมอ และใช้ฟืนเป็นเชื้อเพลิง
ต่อมามีคนทำพิซซ่ามือเยี่ยมคนหนึ่งนาย ดอน ราฟาเอล เอสโพสิโต เป็นคนแรกที่ใช้มอซซาเรลล่าชีส หรือชีสนมควาย เป็นเครื่องปรุง ชาวเมืองนิยมชมชอบมากจนกลายมาเป็นเอกลักษณ์ของพิซซ่านาโปลี และแพร่หลายมาจนถึงปัจจุบัน
เอกลักษณ์สำคัญของพิซซ่านาโปลี ต้องอบในเตาที่อุณหภูมิ 340 องศาเซลเซียส ต้องใช้ฟืนเป็นเชื้อเพลิง ต้องมีชีสมอซซาเรลล่า ผงเครื่องเทศออริกาโน (Origano) ปลาเค็มเอนโชวี (Anchovi)[ในดิกชั่นนารี บางฉบับแปลว่า กุ้งเคย หรือกะปิฝรั่ง] มะเขือเทศ เบซิล (Basil) และกระเทียม
พอช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 คนอเมริกันก็หัดทำพิซซ่ากินกันบ้าง จนได้สูตรแบบอเมริกัน และแพร่หลายไปทั่วโลก
ครั้นปีค.ศ. 1960 เกิดเกิดสงครามเวียดนามทหารอเมริกันเข้ามาตั้งฐานทัพในเมืองไทย ได้นำเอาวัฒนธรรมการกินพิซซ่าเข้ามาด้วยแต่ยังไม่เป็นที่แพร่หลายนัก สมัยนั้นต้องไปกินกันตามโรงแรม และห้องอาหารอิตาเลียนเท่านั้น แต่เมื่อประมาณ พ.ศ. 2513 ร้านพิซซ่าฮัท มาเปิดสาขาแรก เด็กไทย คนรุ่นใหม่ก็แห่กินกันทั้งบ้านทั้งเมือง ทุกวันนี้การกินพิซซ่าไม่ได้ยากลำบากอีกแล้ว เพียงโทรศัพท์กริ๊งเดียวภายใน 15 นาทีก็มาส่งถึงบ้านแล้ว
[ผมไม่ขอเอาประวัติ Pizza Hut กับ The Pizza Company มานะครับเดียวจะเถียงกันว่าอะไรดีกว่ากัน ขอโทษด้วยนะครับ]
สุดท้ายแถมกับรูปน่ากินๆ...
___________________________
ออดี้_คนรักกะเทย
Pizza
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!