เชียร์ l6f.0dy[pkp0v,:jk

ผู้หญิงคนนี้คือสาว 16 ปี .... อีก 16ปี ก็จะครบ 100 ปี

 ผู้หญิงคนนี้คือสาว 16 ปี... อีก 16 ปี ก็จะครบหนึ่งร้อย ซึ่งหากวัดเอาจากความยืดยาวของอายุ แกน่าจะมีชีวิตที่สนุกสนานกับการนั่งเคี้ยวหมากอยู่ที่บ้าน เลี้ยงหลานเลี้ยงเหลน มากกว่าจะมาใส่ปีกใส่หางแปลงกายเป็นกินรีอยู่ในสนามฟุตบอล  

          ไม่ใช่แค่ใส่ชุดแปลกตา แต่ช่วงชีวิตที่ผ่านมาเคยถึงขนาดถอดแหวน ถอดสร้อย ไปจำนำเพื่อเป็นค่ารถเดินทางจากฉะเชิงเทราไปดูฟุตบอลตามจังหวัดต่างๆ และทุกวันนี้แกยังทะเลาะกับผัวแย่งกันดูโทรทัศน์ แกจะดูถ่ายทอดสดฟุตบอล ส่วนผัวแกจะดูละครน้ำเน่า 

          "ไอ้เฒ่าน่ะเหรอ ทะเลาะกับมันเป็นประจำ ล่าสุดนี่ต้องไปกู้เงินคนอื่นไปซื้อทีวีเครื่องใหม่ เพราะมันไม่ยอมให้ดูบอล ดูๆ อยู่มันชักปลั๊กแล้วก็ยกเข้าไปเก็บในห้องมัน"  

          มิใช่แต่เฉพาะเกมลูกหนังเท่านั้นที่แกจะทุ่มเทให้ แต่หมายรวมไปถึงกีฬาทุกชนิด "อะไรที่เป็นกีฬาฉันเชียร์หมด ทั้งบอล ทั้งมวยไทย มวยบ้าน วอลเลย์บอล ตะกร้อ" ซึ่งยายทิ้งไม่ได้หัวสูงเลือกดูเฉพาะทีมชาติ แต่ทีมอบต. ทีมเทศบาล ยันกีฬาเด็กประถมมัธยม แกดูหมด ขอให้มีสองฝ่ายแข่งกันเถอะ

          "ขาดกีฬาแล้วมันหงอย เหมือนอยู่ไปวันๆ รอวันตาย กูมีชีวิตอยู่เพื่อดูมัน" ยายทิ้ง กล่าว  

          "ฉันเชียร์กีฬามาตั้งแต่อายุ 35 เริ่มจากมวยก่อน ตอนนั้นกีฬาอย่างอื่นมันยังไม่ดัง แต่มวยบ้านฉัน อดุลย์ ศรีโสธร เขาดังมาก คนแปดริ้วเขาจะเหมารถกันไปเชียร์ ฉันเป็นผู้หญิงคนเดียวบนรถเลย"  

          ซึ่งดูมวยต้องมีอะไรติดปลายนวมถึงจะเชียร์มัน แต่สาวทิ้งยืนหยัด ยืนยันว่าไม่เล่นพนันก็มันได้ ซึ่งยายทิ้งเป็นหญิงสาวคนเดียวในหมู่เซียนพนัน แต่ยายทิ้งไม่เคยเพลี่ยงพล้ำให้กับใครแม้จะอยู่ในวงล้อมของเซียนพนันตัวกลั่น ไม่ใช่เพราะแกมีตาเทิ้มเป็นผัว แต่ด้วยอาวุธประจำกายที่ระดมสาดออกมาทางปาก ดุดันยิ่งกว่า อดุลย์ ศรีโสธร ออกอาวุธ

          "ฉันมันคนพูดหยาบ ไม่มีใครกล้าแซวฉันหรอก ถ้าแซว อย่างแรกที่ฉันจะตอบมันก็คือ "ไอ้เ...ย" จากนั้นก็จะด่าไปถึงแม่ แค่นี้มันก็เงียบกันแล้ว"     
หลังจากดูมวยก็เริ่มหันมาดูบอลเพราะหลาน "ตอนนั้นหลานฉันชื่อเจ้าก้อง เขาเป็นศูนย์หน้าให้กับทีมแปดริ้ว เวลามีกีฬาเขตฉันก็ตามไปดู เขาเป็นตัวแทนเขต 2 ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด พอบอลแข่งเสร็จก็ไปดูกีฬษอื่นต่อ"  

         
และนับแต่นั้นหากจะหาตัวยายทิ้งก็ไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าไม่ดูมวยหน้าจอตู้ ก็ต้องสนามฟุตบอล หรือไม่ก็สนามวอลเลย์ฯ ในตัวจังหวัด และถ้ามีกีฬาแมตช์ใหญ่ๆ ไม่ว่าจะเป็นกีฬาแห่งชาติ ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน ยายทิ้งก็จะงอกปีกงอกหาง จรลีออกจากแปดริ้วไปเกาะขอบสนามด้วยทุกที  

          ยานัตถ์มันก็แค่อยากแต่กีฬานี่ถึงขั้นติด ไม่ได้ดูแล้วพานจะลงแดงตาย "ฉันขาดกีฬาไม่ได้ ชีวิตมันไม่มีสีสัน พูดจริงๆ ถ้าไม่มีกีฬาให้ดูฉันยอมตายดีกว่า กับคนอื่นฉันไม่รู้ว่ากีฬามันคืออะไร แต่กับฉันมันเหมือนยาเสพติด ขาดแล้วจะลงแดงตาย" 

          คำว่า "กีฬา" ไม่ว่าจะอยู่ในระดับใดก็ล้วนมีเสน่ห์และให้บทเรียนสำคัญกับชีวิต ทั้งกับคนเล่นและคนดู ยายทิ้งดูกีฬาโดยมองข้ามเรื่องแพ้-ชนะ แต่ให้ความสำคัญไปที่คุณค่าและขนาดของหัวใจ "เรื่องแพ้ชนะมันไม่สำคัญหรอก แพ้ก็แพ้ แต่ขอให้อย่าโกง เล่นเต็มที่ แล้วก็ใจต้องสู้ ฉันชอบคนใจสู้ พวกนี้เชียร์มัน ต่อให้มันแพ้คนดูก็ไม่ผิดหวัง"  

         
"ชีวิตนี้ถ้าขาดกีฬาแล้วมันหงอย เหมือนอยู่ไปวันๆ รอวันตาย แล้วถ้าเลือกตายได้ก็ขอให้เชียร์อยู่ดีๆ แล้วช็อกตายไปเลย ไอ้นอนเฉยๆ แล้วตายแบบสงบๆนี่... ฉันไม่เอา มันตายไม่มันส์" 

          ++ และนี่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งในชีวิตของ ยายทิ้ง-บุญสม เนตรโรจน์ ++
          
         
ถ้าหากอยากอ่านแบบเต็มๆ สามารถติดตามได้ใน ฅ คน Magazine ฉบับประจำเดือน มีนาคม พ.ศ. 2551 ทุกแผงหนังสือใกล้บ้านคุณ


ที่มาและภาพประกอบจาก
 
นิตยสาร ฅ. คน
ฉบับที่ 29 ประจำเดือน มีนาคม พ.ศ. 2551


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์